Business

เตรียมเซ็นสัญญา สร้าง ‘ศูนย์การขนส่งชายแดน’ จ.นครพนม รองรับขนส่งสินค้า เชื่อมต่อ 4 ประเทศ

กรมขนส่งฯ เตรียมเซ็นสัญญา สร้าง ‘ศูนย์การขนส่งชายแดน’ จ.นครพนม เดือนมี.ค.นี้ รองรับขนส่งสินค้า เชื่อมต่อ 4 ประเทศ กระตุ้นเศรษฐกิจ

นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบผลการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน และร่างสัญญาร่วมลงทุน (PPP) โครงการศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม ของกรมการขนส่งทางบก ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

ศูนย์การขนส่งชายแดน

เพื่อสร้างโครงข่ายการขนส่งสินค้าทางถนน โดยพัฒนาสถานีขนส่งสินค้ารองรับกิจกรรมการขนส่ง ทั้งการรวบรวมและกระจายสินค้า รวมถึงการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ (Multimodal Transport) โดยมีบริษัท สินธนโชติ จำกัด เป็นผู้ที่ผ่านการประเมินสูงสุด

ทั้งนี้ เอกชนรายดังกล่าวจะเป็นผู้รับผิดชอบลงทุนค่าก่อสร้างในองค์ประกอบอาคารที่ก่อให้เกิดรายได้ และเครื่องมืออุปกรณ์ และรับผิดชอบในส่วนของการดำเนินงานและบำรุงรักษาโครงการ (Operation and Maintenance : O&M)

รวมทั้งเป็นผู้รับความเสี่ยงทางด้านรายได้และจ่ายค่าสัมปทานให้แก่ภาครัฐ ตามรูปแบบการร่วมลงทุนแบบ PPP Net Cost ในการดำเนินโครงการตลอดระยะเวลาร่วมลงทุน 30 ปี นับจากปีเปิดให้บริการ มีมูลค่าโครงการทั้งในส่วนที่ภาครัฐและเอกชนลงทุนรวมกว่า 1,361 ล้านบาท

ศูนย์การขนส่งชายแดน

รองรับการขนส่งสินค้า เชื่อมต่อ 4 ประเทศ 

นายจิรุตม์ กล่าวว่า โครงการศูนย์กาsขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม จัดเป็นหนึ่งในโครงการพัฒนาสถานีขนส่งสินค้า (Truck Terminal) และโครงการนำร่องโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ ช่วยรองรับการขนส่งสินค้าทางถนนระหว่างประเทศบนเส้นทางสาย R12 เชื่อมต่อการขนส่งระหว่างไทย – สปป.ลาว – เวียดนาม – จีนตอนใต้ ผ่านด่านพรมแดนนครพนม และสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 (นครพนม-คำม่วน)

จัดเป็นเส้นทางเศรษฐกิจที่มีความสำคัญในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (GMS) และยังรองรับการเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งสินค้ากับระบบราง ผ่านแนวการพัฒนารถไฟทางคู่ สายบ้านไผ่-นครพนม ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ในอนาคตอีกด้วย

ศูนย์การขนส่งชายแดน

ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดนครพนมและพื้นที่ใกล้เคียง และการเพิ่มสัดส่วนการขนส่งทางรางให้เป็นระบบการขนส่งหลักของประเทศตามยุทธศาสตร์ชาติ นโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคม โดยอาศัยความรู้ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของภาคเอกชน ตลอดจนการดำเนินโครงการบนพื้นฐานของความเป็นหุ้นส่วนระหว่างรัฐและเอกชน

จะช่วยสนับสนุนส่งเสริมให้โครงการศูนย์การsขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม ประสบความสำเร็จและบรรลุตามวัตถุประสงค์ของโครงการ

ศูนย์การขนส่งชายแดน

เร่งเซ็นสัญญาก่อสร้างเดือนมี.ค. 

นายจิรุตม์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับการดำเนินการตามแผนพัฒนาโครงการศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม ภายหลังคณะรัฐมนตรีเห็นชอบผลการคัดเลือกเอกชนเรียบร้อยแล้ว กรมการขนส่งทางบกได้เร่งรัดจัดการลงนามในสัญญาร่วมลงทุนกับภาคเอกชนให้ได้ภายในเดือนมีนาคม 2566 เพื่อภาคเอกชนจะได้เตรียมการดำเนินการตามสัญญาร่วมลงทุน (PPP) และเพื่อให้สามารถเปิดให้บริการโครงการได้ตามแผนในปี 2568

ปัจจุบันกรมการขนส่งทางบกอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างในส่วนที่ภาครัฐเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งได้แก่ โครงสร้างพื้นฐานส่วนกลางและอาคารที่ภาครัฐใช้ประโยชน์วงเงินงบประมาณค่าก่อสร้าง 624 ล้านบาท โดยมีกำหนดแล้วเสร็จในช่วงปลายปี พ.ศ. 2567 พร้อมกับการก่อสร้างในส่วนที่ภาคเอกชนเป็นผู้รับผิดชอบ

นอกจากโครงการศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม กรมการขนส่งทางบกยังอยู่ระหว่างการดำเนินการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน (PPP) โครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้าเชียงของ จังหวัดเชียงราย ซึ่งปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการเจรจาต่อรองกับผู้ผ่านการประเมินสูงสุด และคาดว่าจะสามารถเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบผลการคัดเลือก ก่อนลงนามในสัญญาร่วมลงทุนกับภาคเอกชน ภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566

และอยู่ระหว่างกระบวนการจัดจ้างโครงการก่อสร้างระยะที่ 2 ซึ่งจะรองรับการเชื่อมต่อกับระบบราง ผ่านแนวรถไฟทางคู่สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ของ รฟท. โดยมีแผนเริ่มการก่อสร้างภายในเดือนเมษายน 2566 นี้

ศูนย์การขนส่งชายแดน

เตรียมเสนอโครงการสถานีขนส่งสินค้าจังหวัดสุราษฎร์ธานี

ส่วนแผนการพัฒนา สถานีขนส่งสินค้า (Truck Terminal) แห่งอื่น ๆ อยู่ระหว่างการศึกษาทบทวนความเหมาะสม และรูปแบบการร่วมลงทุนของโครงการ รวมถึงการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมที่มีโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ

โดยจากผลการศึกษาเบื้องต้นพบว่า โครงการสถานีขนส่งสินค้าจังหวัดสุราษฎร์ธานี มีความเหมาะสมและมีความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ รวมทั้งถูกบรรจุอยู่ในแผนการจัดทำโครงการร่วมลงทุน (PPP) ของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ

โดยกรมการขนส่งทางบกจะได้เร่งรัดนำเสนอผลการศึกษาและหลักการของโครงการให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo