ครม. ไฟเขียวกรมธนารักษ์ พับแผนสร้างบ้านคนไทยประชารัฐ 7 แห่ง เหตุขาดสภาพคล่อง ติดปัญหายื่นขอ EIA เหลือแค่ประจวบคีรีขันธ์ที่เดินหน้าต่อ
วานนี้ (7 ก.พ. 2566) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติให้ กรมธนารักษ์ นำที่ราชพัสดุที่รองรับการดำเนินโครงการบ้านคนไทยประชารัฐใน 7 พื้นที่ ประกอบด้วย ชลบุรี เชียงใหม่ เชียงราย ขอนแก่น ลำปาง นครพนม และอุดรธานี ไปรองรับการดำเนินโครงการสำคัญอื่น ๆ ตามนโยบายของรัฐบาล หรือนำไปบริหารจัดการ หรือพัฒนาจัดหาประโยชน์เพื่อสร้างรายได้ให้แก่ภาครัฐต่อไป
นอกจากนี้ ยังได้อนุมัติให้กำหนดระยะเวลาการให้อัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน (Pre Finance และ Post Finance) สำหรับธุรกรรมนโยบายภาครัฐ (Public Service Account : PSA) จากเดิมกำหนดไว้ตั้งแต่ 3 มกราคม 2561-2 มกราคม 2566 เป็นระยะเวลา 1 ปี ระหว่างวันที่ 3 มกราคม 2566 ถึงวันที่ 2 มกราคม 2567 (อัตราดอกเบี้ยคงเดิม)
ทั้งนี้ ให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจปฏิบัติตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ สกส. 28/2562 เรื่อง หลักเกณฑ์การกำกับดูแลธุรกรรมนโยบายรัฐ ประกาศ ณ วันที่ 2 กันยายน 2562 กฎหมายว่าด้วยสถาบันการเงินเฉพาะกิจ กฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง และมติคณะรัฐมนตรีอย่างเคร่งครัด
สำหรับการยกเลิกโครงการบ้านคนไทยประชารัฐใน 7 พื้นที่ดังกล่าว เนื่องจากผลการดำเนินโครงการฯ ที่ผ่านมา ในภาพรวมพื้นที่นำร่องทั้ง 8 พื้นที่ กรมธนารักษ์ ได้เปิดประมูลโครงการฯ เป็นการทั่วไปเพื่อคัดเลือกเอกชนมาพัฒนาที่ราชพัสดุโดยการก่อสร้างและบริหารโครงการฯ
ทั้งนี้พบว่า มีเอกชนที่สนใจดำเนินโครงการฯ ทั้งหมดรวม 5 พื้นที่ คือ ประจวบคีรีขันธ์ ชลบุรี เชียงใหม่ เชียงราย และขอนแก่น ซึ่งมีเพียงพื้นที่ประจวบคีรีขันธ์เท่านั้นที่สามารถก่อสร้างโครงการฯ ได้
ส่วนพื้นที่อื่น ๆ ไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องมาจากปัจจัยหลักในภาพรวม คือ การขาดสภาพคล่องทางด้านการเงิน และติดขัดเกี่ยวกับการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ทั้งที่ในความเป็นจริงผู้มีรายได้น้อยยังคงมีความต้องการในเรื่องที่อยู่อาศัยค่อนข้างสูง
ปัจจุบัน พื้นที่ชลบุรี เชียงใหม่ เชียงราย ขอนแก่น ได้ผู้ได้รับสิทธิก่อสร้างและบริหารโครงการฯ แต่ยังไม่ได้ดำเนินการก่อสร้างโครงการฯ ส่วนลำปาง นครพนม และอุดรธานี เปิดประมูลแล้ว แต่ไม่มีเอกชนสนใจเข้าร่วมพัฒนาที่ราชพัสดุ ทำให้ไม่มีความคืบหน้าที่ชัดเจนเป็นรูปธรรม
ดังนั้น กระทรวงการคลัง จึงเห็นว่า ควรนำที่ราชพัสดุทั้ง 7 แห่งข้างต้น ไปรองรับการดำเนินโครงการสำคัญอื่น ๆ ตามนโยบายของรัฐบาล หรือนำไปบริหารจัดการ หรือพัฒนาจัดหาประโยชน์เพื่อสร้างรายได้ให้แก่ภาครัฐ ในกรณีที่ผู้เช่าไม่สามารถดำเนินโครงการฯ ต่อไปได้ เพื่อให้การบริหารจัดการที่ราชพัสดุมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
ด้านความคืบหน้าในการก่อสร้างโครงการฯ ในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ล่าสุดก่อสร้างอาคารแล้วเสร็จประมาณ 94.51% ได้กำหนดกรอบระยะเวลาดำเนินโครงการฯ และการให้อัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน (Pre Finance และ Post Finance) ระยะเวลา 5 ปี
นอกจากนี้ มีผู้ได้รับสิทธิอยู่อาศัยในโครงการฯ แจ้งตามประสงค์ขอสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยกับ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) จำนวน 235 ราย ซึ่งปัจจุบันได้สิ้นสุดระยะเวลาการให้สินเชื่อดังกล่าวแล้ว และ ธอส. ยังมิได้อนุมัติสินเชื่อให้ผู้ได้รับสิทธิอยู่อาศัยในพื้นที่ดังกล่าว
กระทรวงการคลัง จึงขอขยายกำหนดเวลายื่นคำขอกู้เงินและทำนิติกรรมในอัตราดอกเบี้ยผ่อนปรนตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2561 ไปจนถึงวันที่ 2 มกราคม 2567
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘ธนารักษ์’ จับมือ ‘ออมสิน-ธอส.’ เปิดโครงการบ้านคนไทยประชารัฐ
- ‘ฉัตรชัย ศิริไล’ เตรียมโบกมือลา ธอส. ข้ามห้วยคุม ธ.ก.ส. มีผล 26 มี.ค. 66
- ปิดฉากมหกรรมร่วมใจแก้หนี้ 5 ครั้ง รวมมูลหนี้กว่า 2.4 หมื่นล้าน ยื่นออนไลน์ 1.8 แสนคน