ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) วันนี้ (24ม.ค.) ได้เปิดแนวนโยบายของพรรค บรรยากาศคึกคัก มีการนำป้ายสโลแกนหาเสียง ที่สอดคล้องกับนโยบายพรรค เช่น สังคมประชารัฐขจัดความขัดแย้ง ก้าวข้ามความขัดแย้ง ไม่แบ่งสีไม่แบ่งฝ่าย เศรษฐกิจประชารัฐขจัดความยากจน
โดยมีกรรมการบริหารพรรค แกนนำพรรคภาคต่างๆเข้าร่วม อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานยุทธศาสตร์ภาคอีสาน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง นายอนุชา นาคาศัย ประธานยุทธศาสตร์ภาคกลาง นายเอกราช ช่างเหลา แกนนำ รวมทั้งว่าที่ผู้สมัครส.ส.ร่วมฟังการแถลงข่าวจำนวนมาก
โดยกรอบ “แนวนโยบายสร้างชาติ เพิ่มพลังเศรษฐกิจ” ประกอบด้วย 3 พันธกิจ ได้แก่ สวัสดิการประชารัฐ 7 เรื่อง สังคมประชารัฐ 7 เรื่อง และเศรษฐกิจประชารัฐ 7 เรื่อง ก่อนเปิดกรอบแนวนโยบายของพรรคได้ฉายวีดีทัศน์ที่มีเนื้อหาเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมืองจนนำไปสู่ความขัดแย้ง
ขณะเดียวกัน มีเจ้าหน้าที่นำประกาศของพรรค เรื่อง การเสนอชื่อบุคคลที่เห็นสมควรจะเสนอให้ได้รับการพิจารณาแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี โดบระบุว่า ขอเชิญชวนการบริหารพรรค กรรมการสาขาพรรคการเมือง ตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด และสมาชิกพรรคการเมือง เสนอชื่อบุคคลที่เห็นสมควร เสนอให้ได้รับการพิจารณาแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ต่อกรรมการบริหารพรรคภายในวันที่ 28 มกราคมนี้
นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค พปชร. กล่าวว่า เราอาสาพาประเทศก้าวข้ามความขัดแย้ง ไม่แบ่งสีแบ่งฝ่าย จะเป็นประชาธิปไตยเป็นของทุกฝ่าย ไม่ใช่ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เป็นของคนไทยอย่างแท้จริง จากนี้สังคมไทยต้องเป็นสังคมสงบสุขอย่างแท้จริง พปชร.ให้ความมั่นใจได้ว่า เรามีความพร้อมเต็มที่ ทั้งบุคลากรที่เป็นตัวจริงเสียงจริง มาจากหลายฝ่าย หลายเหล่า หลายภาคส่วน คนเดิมที่เพียบด้วยประสบการณ์ และคนรุ่นใหม่ไฟแรงที่เต็มไปด้วยความคิด เรายังเพียบด้วยนโยบาย โดยพรรค พปชร. เปิด ” 7-7-7 นโยบาย” ตั้งอยู่บน 3 พันธกิจหลัก คือ 7 สวัสดิการประชารัฐ 7 สังคมประชารัฐ และ 7 เศรษฐกิจประชารัฐ
ส่วนนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรค พปชร. กล่าวว่า นโยบายของเราไม่ใช่เอาของเก่ามาขาย แต่นโยบายต้องตอบโจทย์ประชาชน ต้องเป็นนโยบายที่ทำให้ประเทศมีศักดิ์ศรีในเวทีโลก สำหรับ 7 สวัสดิการประชารัฐ อาทิ การต่อยอดบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ขยายผลมาเป็นบัตรประชารัฐ เพื่อขยายไปสู่คนรายได้น้อย ซึ่งมี 4 กลุ่มเป้าหมายสำคัญที่มีภาระหนักอึ้งคือ คนสูงวัย ผู้พิการ สตรี และผู้ใช้แรงงาน ยังมี 4-5 กลุ่ม ที่จะเน้นเป็นพิเศษในการปลดหนี้ แรงงาน ชาวนา ข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ นักศึกษา ครู จะปลดหนี้ผู้ใช้แรงงานและชาวนาภายใน 5 ปี
นอกจากนี้ ยังมีนโยบายบ้านล้านหลัง บ้านสุขใจวัยเกษียณ สิทธิ์ที่ดินทำกิน ส่วนหลักประกันสังคมถ้วนหน้าประชารัฐ อาทิ หลักประกันการศึกษาถ้วนหน้าตั้งแต่เด็กไปยันวัยทำงานรวมถึงหลักประกันรายได้ จุดขายสำคัญของ พปชร. เพื่อตอบโจทย์ขจัดความเหลื่อมล้ำแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ในเรื่องสุขภาพ เราจะทำเรื่องหมอถึงบ้าน พยาบาลถึงเรือน ประชาชนทุกคนมีหมอประจำตัว
ด้านเศรษฐกิจประชารัฐ โจทย์ใหญ่คือ สร้างความสามารถของคน สร้างกองทัพสตาร์ทอัพให้เพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้า 5 ล้าน สมาร์ทเอสเอ็มอี, 1 ล้าน สมาร์ทฟาร์มเมอร์, 1 ล้านสตาร์ทอัพ, 1 ล้าน เมกเกอร์, และ 1 ล้าน ร้านค้าปลีกชุมชน ที่จะทำอย่างไรให้เป็นโชห่วย 4.0 สำหรับ นโยบาย 7-7-7 เป็นนโยบายไม่ได้คิดเอง ทำเอง แต่เราลงไปในพื้นที่ เพื่อไปเอาข้อมูลมา ซึ่งไม่เคยถูกเติมเต็ม มาประมวลแล้วออกมาเป็นนโยบาย โดยแพ็คเกจใหญ่จะแถลงอีกครั้งก่อนสมัคร ส.ส. ประมาณสัปดาห์หน้า
ในส่วนสังคมประชารัฐ เด็กเล็กจะมีศูนย์พัฒนา บัตรประชารัฐจะเริ่มที่นี่ พปชร.เชื่อว่าสังคมประชาธิปไตยจะเกิดขึ้นได้ 1.กระจายอำนาจ 2.กระจายโอกาส 3.กระจายความเจริญสู่ภูมิภาค เช่น โครงการอีอีซี ที่เราทดสอบในรัฐบาลชุดนี้ จะกระจายศูนย์กลางความเจริญสู่ภูมิภาค เช่น อีอีซี, อีสาน 4.0, ล้านนา, 4.0 และด้ามขวาน 4.0 รวมถึงสร้างเมืองน่าอยู่ , สังคมประชารัฐสีขาว ปลอดโลก ปลอดภัย ปลอดยา ปลอดฝุ่น ปลอดควัน ตลอดจน Bangkok 5.0
ถามว่านโยบายของพรรค พปชร. เป็นการต่อยอดรัฐบาลใช่หรือไม่ นายอุตตม กล่าวว่า เราทำสิ่งที่ดีที่สุดให้ประชาชน สิ่งไหนที่ดีเราต่อยอด สิ่งใหม่เรามีแน่นอน โดยเอาประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้ง และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเราต่อยอดแน่นอนถ้าเลือกเราร่วมรัฐบาล จะทำสิ่งเหล่านี้ให้ดีขึ้นต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นบัตรสวัสดิการ เกษตร ที่ทำกิน ที่จะต้องมาจัดหากัน ถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของคนไทย
ส่วนการเปลี่ยนที่ดิน ส.ป.ก. ให้เป็นโฉนด นายอุตตม กล่าวว่าที่ดินทำกินเป็นเรื่องใหญ่ของคนไทย พรรคต้องดูให้ชัดเจน เพราะที่ ส.ป.ก.ทำกันมานาน สภาพการใช้ที่ดินเปลี่ยนไป ยืนยันว่านโยบายเรื่องนี้ของพรรคจะเป็นแนวทางเดียวกับรัฐบาล
