Business

‘สมาร์ทสโตร์’ผู้ช่วย‘ซัพพลายเออร์-ร้านค้า’เจาะใจนักช้อป

การเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมค้าปลีก จากการขยายตัวของแพลตฟอร์มออนไลน์ และดิจิทัล ดิสรัปชั่น เป็นสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมนักช้อปในยุคนี้ ดังนั้นสินค้าจึงต้องการหาวิธีเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้สินค้ามีความต้องการ ข้อมูลเชิงลึกด้านพฤติกรรมนักช้อป  โดยเฉพาะช่วงเวลาที่ผู้บริโภคกำลังตัดสินใจซื้อ (Moment of truth) ด้วยต้องการรู้เหตุผลของการตัดสินใจ รวมถึงพฤติกรรมการซื้อ

นีลเส็น สมาร์ทสโตร์

เปิดตัวบริการ “สมาร์ทสโตร์”

ซู เทมเปิล Executive Director นีลเส็น ช้อปเปอร์  กล่าวว่า นีลเส็นเพิ่มการให้บริการใหม่ “สมาร์ทสโตร์” การวิจัยที่วัดผู้ซื้อ หรือ ช้อปเปอร์ ซึ่งเป็นการให้บริการที่ถูกคิดค้นเพื่อตอบโจทย์ ผู้ค้าปลีกและเจ้าของสินค้า(ซัพพลายเออร์) การให้บริการนี้จะช่วยให้ทำความเข้าใจ และเข้าถึงพฤติกรรมของนักช้อปได้ดีขึ้น และวิธีวางแผนธุรกิจเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพยอดขาย

“สมาร์ทสโตร์” เป็นการวิจัยหลากหลายรูปแบบ ทั้งสิ่งที่เกิดขึ้นมาแล้วในอดีต  และเป็นการจำลองภาพร้านค้า และประสบการณ์ในอนาคต เพื่อสำรวจและวิจัยพฤติกรรมผู้บริโภคว่าจะตอบสนองอย่างไรต่อร้านค้าหรือรูปแบบสินค้า โดยทดลองใช้ที่ สหรัฐ สิงคโปร์ เม็กซิโก และอีกหลายประเทศ

นีลเส็น สมาร์ทสโตร์

ชูวิจัยเทคโนโลยี “วีอาร์”

บริการ “สมาร์ทสโตร์” ได้เปิดตัวมาแล้ว 1 ปี ที่สหรัฐ  ล่าสุด นีลเส็น ได้เปิดตัวบริการ“สมาร์ทสโตร์” ในประเทศไทย เป็นประเทศที่ 4 ของโลก

นวัตกรรมการออกแบบบริการ “สมาร์ทสโตร์” เป็นการวิจัยที่ใช้เทคโนโลยีจำลองภาพเสมือนจริง หรือ Virtual reality (VR) ของร้านค้าแบบ 360 องศาในรูปแบบ 3D ด้วยเทคโนโลยี  Immersive Reality ผ่านโปรแกรมดิจิทัล  เพื่อให้ช้อปเปอร์ได้รับประสบการณ์แบบเดียวกับการไปซื้อของที่ร้านค้า ซึ่งจะเห็นทั้งภาพ เสียง  เหมือนอยู่ในสโตร์จริง ทำให้สามารถสำรวจพฤติกรรมที่ใกล้เคียงความจริงมากที่สุด

การวิจัยของ “สมาร์ทสโตร์” จะช่วยให้ผู้ค้าปลีกสามารถวัด ประเมิน และเพิ่มประสิทธิภาพ กลยุทธ์ทางการขาย โดยพิจารณาจากรูปแบบพฤติกรรมที่ช้อปเปอร์ตอบสนองในร้านค้าทุกรูปแบบที่ผู้ค้าปลีกต้องการจะทดสอบ โดยการให้บริการนี้สามารถช่วยวัดประสิทธิภาพของ Point Of Sale Merchandise (POSM) จากสิ่งที่ช้อปเปอร์ “ดู คิดและทำ”

การทำงานของ “สมาร์ทสโตร์” เป็นการออกแบบภาพจำลองร้านค้าเสมือนจริงผ่านโปรแกรมดิจิทัล เพื่อทดสอบพฤติกรรมผู้บริโภค ในสภาพแวดล้อมเสมือนจริง   ที่จะช่วยลดความเสี่ยงและการลงทุนที่ไม่จำเป็นในการจัดการบริหารร้านค้า

โดยเจ้าของร้านหรือเจ้าของสินค้า สามารถทดสอบรูปแบบในร้านค้าเสมือนจริง และวิธีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ก่อนที่จะลงทุนจัดการร้านค้าจริง  และไม่จำเป็นต้องทำการเปลี่ยนแปลงหรือหยุดการดำเนินการของร้านค้าจริง ทำให้สามารถเพิ่มโอกาสทางการค้าโดยไม่เสียผลประโยชน์ทางธุรกิจ

นีลเส็น สมาร์ทสโตร์

เก็บข้อมูล Passive Data

การวิจัยรูปแบบเเดิม อาจต้องถามคำถาม 50-100 คำถามเพื่อให้กลุ่มตัวอย่างตอบ หลังจากมีสมาร์ท สโตร์  คำถามจะลดลงเหลือไม่เกิน 10 คำถาม เพื่อเป็นข้อมูลเจาะลึก จากแบบจำลองสมาร์ทสโตร์  โดยเป็นการเก็บข้อมูล Passive Data ที่เก็บข้อมูลได้ทั้งการมอง การเคลื่อนไหวอวัยวะต่างๆของร่างกาย จะมาช่วยสนับสนุนข้อมูลของ Active Data

ในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงทั้งอุตสาหกรรมค้าปลีก  Passive Data จากสมาร์ทสโตร์จะช่วยทำให้ร้านค้าปลีก กับเจ้าของสินค้า มีความร่วมมือกันและช่วยกัน ที่จะใช้ข้อมูลจากสมาร์ทสโตร์  เพื่อสร้างประสิทธิภาพทางการขายให้ดีขึ้น

ตัวอย่าง ร้านค้า ในสิงคโปร์  ต้องการทำวิจัยการเรียงสินค้าอย่างไรให้มีประสิทธิภาพทางการขายสูงสุด จึงใช้สมาร์ทสโตร์ ออกแบบจำลองการจัดวางสินค้าแบบต่างๆ ในการทำวิจัย จากนั้นนำข้อมูลแบบจำลองที่ได้ผลดีที่สุดไปจัดเรียงสินค้าเพื่อจำหน่ายจริง ซึ่งมีผยอดขายที่ดีขึ้น

อีกตัวอย่างของร้านค้าใน เม็กซิโก  ใช้สมาร์ทสโตร์ ในการออกแบบดิสเพลย์ ในร้านค้าปลีก โดยออกแบบ  ทั้ง “ก่อนและหลัง”  โดยทำผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ให้กับห้างค้าปลีกในการจัดดิสเพลนย์สินค้า ที่จะสร้างประสิทธิภาพและยอดขายสูงสุดให้กับห้างค้าปลีก

รูปแบบการใช้วิจัยสมาร์ทสโตร์  จะมีทั้งผู้ผลิตสินค้า ,ร้านค้าปลีก และทั้งผู้ผลิตสินค้าและร้านค้าปลีกร่วมกันทำ เช่น กรณีการดิสเพลย์ ในช่วงตรุษจีน ที่สามารถทำวิจัยเลือกแบบที่สามารถจูงใจผู้บริโภค และสร้างยอดขายได้สูงสุด

“แบบจำลองสมาร์ทสโตร์ จะเกิดขึ้นในช่วง Moment of truth ที่จะทำให้ผลวิจัยได้ข้อมูลที่ดีและเชิงลึก มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะแบบจำลองจะเห็นข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภค ณ จุดที่ตัดสินใจซื้อ ทำให้คุณภาพของข้อมูลดีขึ้น”

ยุคใหม่งานวิจัยพฤติกรรมผู้บริโภค

สมวลี ลิมป์รัชตามร กรรมการผู้จัดการ บริษัทนีลเส็น (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า Passive Data  เป็นยุคใหม่ของการทำวิจัยจากยุคอดีต ที่เป็นรูปแบบการตั้งคำถามให้ผู้บริโภคตอบ ซึ่งรูปแบบเดิม มีคำถามต่อว่าผู้ที่ตอบแบบสอบถามจะให้ข้อมูลจริงหรือไม่

นีลเส็น สมาร์ทสโตร์
สมวลี ลิมป์รัชตามร

แต่ Passive Data ไม่ต้องรอคำตอบ เพราะดูจาก “ภาษาร่างกาย” และพฤติกรรมของกลุ่มตัวอย่างที่เข้าไปดูสินค้าจากแบบจำลองร้านค้าของสมาร์ทสโตร์  เป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นจริงโดยไม่ได้กลั่นกรองมาก่อน จึงได้ข้อมูลที่ตรงกับความเป็นจริงมากขึ้น

“สมาร์ทสโตร์ เป็นการทำวิจัยยุคใหม่ที่เกิดจากการนำ อินโนเวทีฟ เทคโนโลยีมาใช้จำลองแทนพฤติกรรมที่แท้จริง จะทำให้ได้ข้อมูลผู้บริโภคเชิงลึก วิธีคิดและวิธีที่จะเกิดขึ้นจริงในอนาคตจะชัดเจนมากขึ้น”

วันนี้นักช้อปไม่ได้คิดเหมือนในอดีตในการเลือกซื้อสินค้า แต่มีความซับซ้อน  ดังนั้นการนำเทคโนโลยีสมาร์ทสโตร์มาใช้ จะทำให้สามารถเก็บข้อมูลและนำมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคได้มากขึ้น

การทำตลาดของสินค้าในร้านค้าปลีกช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีทั้งความจริงและความเชื่อ แต่วันนี้เทคโนโลยีจะช่วยบอกว่าสิ่งใดเวิร์คหรือไม่เวิร์ค!!

 

Avatar photo