General

ไม่ได้ดึงเรื่อง! อัยการแจงละเอียด เหตุล่าช้า สอบสวนกรณี ‘เนตร’ สั่งไม่ฟ้อง ‘บอส อยู่วิทยา’

“ประธานคณะกรรมการอัยการ” ชี้แจงความล่าช้า สอบสวนกรณี “เนตร” สั่งไม่ฟ้อง “บอส อยู่วิทยา” ระบุ ติดขั้นตอนสอบข้อเท็จจริง หลังประธานสอบลาออก-พ้นวาระ  คาดตั้งประธานสอบใหม่ 21 เมษายนนี้ 

วันนี้ (16 เม.ย.) นายอรรถพล ใหญ่สว่าง ประธานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้า ในการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีนายเนตร นาคสุข อดีตรองอัยการสูงสุด มีคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ผู้ต้องหาขับรถชนเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิต เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2555

บอส อยู่วิทยา

นายอรรถพล ระบุว่า จากการที่ คณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้ง โดยมีนายวิชา มหาคุณ เป็นประธานฯ สรุปผลการตรวจสอบ ส่งไปยังนายกรัฐมนตรี แล้วเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) แจ้งว่า เรื่องนี้นายกรัฐมนตรี ให้ส่งยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นหน่วยงานหนึ่งที่เกี่ยวข้อง ต่อมา เลขาฯ ป.ป.ท. ได้นำความเห็นฉบับเต็มส่งให้ ก.อ. โดยมีทั้งพยานเอกสารและพยานวัตถุซึ่งทั้งหมดเป็นเอกสารลับ

ตามความเห็นของคณะทำงานชุดนายวิชา สรุปได้ง่าย ๆ ว่า มีอัยการเกี่ยวข้อง 3 คน คือ

  • นายเนตร นาคสุข อดีตรองอัยการสูงสุด ซึ่งเป็นผู้สั่งคดี ถูกกล่าวหาว่า ผิดวินัยร้ายแรงและผิดอาญา
  • อัยการสูงสุด (อสส.)ซึ่งถูกกล่าวหาผิดจริยธรรม เนื่องจากทราบว่ามีการสั่งคดีที่ไม่ถูกต้องแล้วไม่ได้ดำเนินการแก้ไข
  • บุคคลซึ่งเป็นข้าราชการอัยการ ร่วมกระทำผิดด้วย แต่ไม่ทราบชื่อเสียงเรียงนามอย่างไร มีเพียงคลิปเสียงประกอบ

ทั้งนี้ ในที่ประชุม ก.อ.พิจารณาแล้วว่า การที่จะดำเนินการสอบตามที่ตั้งมานั้น จะไปสอบตามข้อกล่าวหาทันทีทั้ง 3 คน ไม่ได้ จะพิจารณาได้เฉพาะนายเนตร

แต่จะสอบตามที่ระบุว่า มีความผิดวินัยอย่างร้ายแรงทีเดียวไม่ได้ เนื่องจากตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ พ.ศ.2553 ระบุไว้ชัดว่า การที่จะสอบสวนวินัยได้นั้น ต้องมีการสอบข้อเท็จจริงเสียก่อน และการสอบวินัยข้าราชการอัยการได้ จะต้องมีหลักเกณฑ์ แล้วหลักเกณฑ์ออกเมื่อปี 2554 เฉพาะข้าราชการอัยการระดับ ที่ต่ำกว่ารองอัยการสูงสุด

“ดังนั้นการจะสอบนายเนตร ต้องออกหลักเกณฑ์เสียก่อน จึงมีการพิจารณาหลักเกณฑ์ ในการสอบระดับรองอัยการสูงสุด เข้าที่ประชุม ก.อ. ที่ประชุมเห็นชอบด้วย เมื่อผ่าน ก.อ. แล้วต้องไปประกาศในราชกิจจานุเบกษา จึงจะเริ่มสอบได้ ในหลักเกณฑ์ดังกล่าว หลักสำคัญในการสอบคือจะสอบวินัยได้ ก็ต่อเมื่อต้องสอบสวนข้อเท็จจริงชั้นต้นก่อน ว่าได้ข้อสรุปผิดวินัยหรือไม่ ถ้าไม่ผิดก็จบ แต่ถ้าผิด แล้วมีความผิดวินัยร้ายแรงหรือผิดวินัยธรรมดา”

บอส อยู่วิทยา

นายอรรถพล กล่าวอีกว่า กรณีนี้ ก.อ. ได้ตั้งนายไพรัช วรปาณิ เป็นประธานฯ การสอบสวนชั้นต้น ซึ่งเป็นกรรมการจาก ก.อ.ภายนอก ปรากฏว่า เมื่อสอบไปแล้ว นายเนตร ได้ร้องขอความเป็นธรรมเข้ามาว่า ทำไมถึงมีการสอบ โดยใช้หลักเกณฑ์สอบรองอัยการสูงสุด เพราะขณะถูกสอบนายเนตร เป็นอัยการอาวุโส น่าจะเป็นหลักเกณฑ์การสอบข้าราชการอัยการ ที่ต่ำกว่ารองอัยการสูงสุด

พอเจอปัญหานี้ขึ้นมา นายไพรัชก็ขอลาออก ก.อ. ก็เลยตั้ง นายประสาน หัตถกรรม เป็นประธานฯ สอบสวนคนใหม่ ซึ่งกำลังดำเนินการสอบสวนอยู่

“การสอบสวนดังกล่าวนี้ ผมในฐานะประธาน ก.อ. ไม่อาจไปก้าวล่วงได้ ซึ่งรับรายงานให้ทราบว่า การสอบสวนยังไม่เสร็จ ขอขยายเวลา ซึ่งปัจจุบันนี้นายประสาน ซึ่งเป็น ก.อ. ก็หมดวาระไปเมื่อวันที่ 14 มีนาคม ที่ผ่านมา แต่การสอบสวนยังไม่เสร็จ มีปัญหาว่าจะสอบต่อไปได้หรือไม่”

“โดยความเห็นส่วนตัว ต้องเสนอตั้งประธานกรรมการสอบสวนชั้นต้นขึ้นมาใหม่อีก คาดว่าน่าจะเสนอตั้งวันที่ 21 เมษายน นี้ ซึ่งจะมีการประชุม ก.อ. จึงยังไม่ได้ข้อสรุปว่านายเนตรผิดวินัยหรือไม่อย่างไร”

ส่วนเรื่องการดำเนินการ กับ อัยการสูงสุด (อสส.)และอัยการที่ไม่ทราบชื่อ นายอรรถพล กล่าวว่า ในที่ประชุมคุยกันแล้ว สอบสวนคนแรกให้เสร็จก่อน แล้วจึงจะมาสอบอีก 2 ท่าน เพราะว่าคนที่ถูกกล่าวหากระทำความผิดหลัก ควรพิจารณาให้เสร็จก่อน

นอกเหนือจากนี้ ถ้าจะมีการสอบสวนชั้นต้น อสส. ไม่ว่า ทั้งเรื่องวินัยหรือจริยธรรม ต้องกำหนดหลักเกณฑ์ก่อนจึงจะทำได้ ซึ่งปัจจุบันนี้ ยังไม่มีการกำหนดหลักเกณฑ์ดังกล่าว

เมื่อถามว่าการกำหนดหลักเกณฑ์ดังกล่าวสามารถทำล่วงหน้าได้หรือไม่ นายอรรถพล กล่าวว่า อยู่ที่ ก.อ.พิจารณาว่า ควรจะเป็นอย่างไร ในการกำหนดหลักเกณฑ์

บอส อยู่วิทยา

กรณีเช่นนี้ ปรากฏว่า อย่างแรกเลย คือ ภารกิจในช่วงที่มีการสอบสวนยังไม่เสร็จ อย่างที่ 2 คือ ตั้งแต่ปลายปีที่แล้วจนถึงเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นช่วงโยกย้ายแต่งตั้งอัยการ จึงไปเน้นหนักเรื่องการโยกย้าย ตอนนี้อัยการได้โยกย้ายกันเมื่อวันที่ 1 เมษายน การกำหนดหลักเกณฑ์ไว้ก่อนกำหนดได้ แต่การพิจารณาที่ยังไม่กำหนด เพราะ 1.เป็นฤดูกาลโยกย้าย 2.ก.อ.เปลี่ยนชุดเลือกตั้งใหม่ และ 3.อาจจะมีปัญหา ประธาน ก.อ.เปลี่ยนอีก

“ถ้ามีการสอบอสส.จริงแล้ว หลักเกณฑ์ต้องออกมา ที่มองกันว่าทำไมถึงล่าช้า เผอิญยังไม่มีประเด็นสอบ อสส.หรือไม่ หลักเกณฑ์จึงไม่ได้เร่งรีบ ที่ไม่มีการสอบ ไม่ใช่ว่าดึงให้ช้า แต่เกิดจากการสอบนายเนตรยังไม่เสร็จ เพราะเราตั้งสมมติฐาน ต้องสอบบุคคลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นกระแสสังคม แล้วระบุให้เสร็จเสียก่อน จึงรู้ว่าใครผิดหรือไม่ผิด สมมติถ้านายเนตรไม่ผิด จะว่า อสส.ผิดได้อย่างไร เพราะคณะกรรมการสอบของ อ.วิชา บอกทำนองนายเนตรผิด รู้แล้ว อสส.ไม่แก้ไข ทำนองนั้น”

นายอรรถพล บอกด้วยว่า ยังตอบไม่ได้ ถึงกรอบเวลาในการสอบข้อเท็จจริง หลังตั้งกรรมการสอบชุดใหม่ว่า จะใช้เวลานานเท่าไร เพราะการสอบหลักเกณฑ์ ใช้ครั้งหนึ่ง 30 วัน แต่ขอขยายได้อีก 30 วัน ขยายตามความจำเป็น ตั้งกรอบไม่ได้ อยู่ที่ผู้ปฏิบัติว่า จะเป็นอย่างไร

” อาจจะถามว่าประธาน ก.อ.ทำไมไม่เร่งรัด ซึ่งก็เร่งรัดทุกครั้ง พอขอขยายเราก็เร่งรัดไป แต่ถ้าไปกำหนดต้องเสร็จภายในเท่านี้ เหมือนกับไม่ให้ความเป็นธรรม จะเกิดปัญหา เนื่องจากว่า ถ้าทำไม่เป็นระบบแล้ว อาจจะถูกฟ้องศาลปกครอง ให้เพิกถอนคำสั่งได้ในแง่กฎหมาย”

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo