ช่วงโลว์ซีซั่นเพิ่งผ่านพ้นไป เริ่มก้าวสู่ฤดูหนาวซึ่งเป็นไฮซีซั่นของการท่องเที่ยวไทย ปีนี้หลายคนคาดหวังว่าไทยจะมีตัวเลขนักท่องเที่ยวเติบโตได้ตามเป้าที่ตั้งไว้คือ 10% มีรายได้รวมที่ 3.1 ล้านล้านบาท จำนวนนักท่องเที่ยว 37 ล้านคน เป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2.1 ล้านล้านบาท และจากการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ 1 ล้านล้านบาท
แต่ระหว่างปีที่ผ่านการ การท่องเที่ยวไทยต้องเผชิญเหตุการณ์ร้าย จากอุบัติเหตุเรือล่มที่จังหวัดภูเก็ต นักท่องเที่ยวจีนเสียชีวิตจำนวนมาก และยังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ทำร้ายนักท่องเที่ยวจีนที่สนามบิน ทำให้ตลาดนักท่องเที่ยวหลักอย่าง “จีน” ได้รับผลกระทบส่งผลให้ช่วงเทศกาลหยุดยาว หรือโกลเด้นวีควันชาติจีน ช่วงต้นเดือนตุลาคม (1-7 ต.ค.) ปีนี้นักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเที่ยวไทยลดลง ข้อมูลจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ระบุว่า ยอดจองบัตรโดยสารเครื่องบินล่วงหน้า ระหว่างวันที่ 1-7 ตุลาคม 2561 ยอดจองจากจีนเข้าไทยลดลง 35% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ดังน้นเป้าหมายนักท่องเที่ยวจีนมาเยือนไทย ที่ปีนี้ตั้งไว้กว่า 10 ล้านคน อาจไม่ได้ตามเป้า
อย่างไรก็ตามนอกจากตลาดจีนแล้ว ททท.ยังส่งเสริมตลาดนักท่องเที่ยวชาติอื่น เช่น ตลาดระยะไกล อย่าง ยุโรป และอเมริกา โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพที่เดินทางเอง ไม่ผ่านบริษัททัวร์ ปีนี้ททท.ให้ความสำคัญมากขึ้น
เอกชนชี้ดึงตลาดคุณภาพได้ผลยอดช้อปปิ้งเพิ่ม
ต่อเนื่องจากแนวทางดังกล่าว นางชฎาทิพย์ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้ากลุ่มสยาม ทั้ง สยามดิสคัฟเวอรี่ สยามเซ็นเตอร์ และสยามพารากอน กล่าวว่า หากดูตัวเลขการช้อปปิ้งของลูกค้าที่มาเยือนศูนย์การค้าในกลุ่มสยาม พบว่ามีอัตราเพิ่มขึ้น ทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเดินในศูนย์ฯ และยอดการจับจ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติ พบว่ามียอดการใช้จ่ายต่อหัวเพิ่มขึ้นถึง 13% สะท้อนว่าการที่ททท.ส่งเสริมการดึงตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพเข้ามาได้ผล เห็นได้จากยอดใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น
โดยจำนวนลูกค้าที่เข้าช้อปปิ้งในศูนย์การค้ากลุ่มสยาม มียอดเฉลี่ยวันล่ะ 2.5 แสนคน ในจำนวนนี้เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติราว 35%
การดึงนักท่องเที่ยวคุณภาพเข้ามาเที่ยวในไทยได้ผล เห็นได้จากยอดขายต่อบิลล์ของกลุ่มสยามที่เพิ่มขึ้น
ลุ้นครม.ผ่านกฎหมายรักรวมเพศดึงตลาด LGBT
ด้านนางศรีสุดา วนภิญโญศักดิ์ รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวถึงแผนขยายตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยว่า ล่าสุดททท.เตรียมรับกฏหมายให้เพศเดียวกันในประเทศไทยสามารถแต่งงานกันได้ ที่กระทรวงยุติธรรมจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ในเดือนพ.ย.นี้ ซึ่งกฏหมายนี้จะเป็นตัวแทนของความเสมอภาคทางเพศ ททท.จึงเตรียมรุกตลาดกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ หรือที่เรียกว่า LGBT : Lesbian, Gay, Bisexual, Transform หรือ เลสเบียน, เกย์, ไบเซ็กชวล และคนข้ามเพศ เพื่อให้เข้ามาเที่ยวเมืองไทย โดยจะส่งเสริมตลาดเมืองรอง 55 จังหวัดให้พร้อมรองรับกลุ่ม LGBT
รองผู้ว่าททท. กล่าวว่า เมื่อผ่านกฏหมายเพศเดียวกันแต่งงานกันได้ การทำตลาดกลุ่ม LGBT จะทำไม่ยาก ซึ่งคนกลุ่มนี้มีอยู่ทั่วไป ทั้งยุโรป อเมริกา ละตินอเมริกา ฯลฯ โดยองค์การการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ (UNWTO) เคยรวบรวมพฤติกรรมการท่องเที่ยวกลุ่มนี้ไว้ว่า มีความยืดหยุ่นด้านการท่องเที่ยว เดินทางท่องเที่ยวปีละไม่ต่ำกว่า 8 ทริป เป็นกลุ่มที่ไม่มีภาระครอบครัว สามารถเที่ยวได้เรื่อยๆ ไม่ต้องรอเที่ยวช่วงลูกปิดเทอม ซึ่งไทยสามารถขายสินค้าเมืองรอง แทรกช่องว่าตลาดช่วงโลวซีซั่นได้
“ด้วยศักยภาพของกลุ่ม LGBT ที่มีการใช้จ่ายด้านท่องเที่ยวสูงกว่านักท่องเที่ยวทั่วไปถึง 3 เท่า เราจะเร่งโปรโมทรับกฏหมายใหม่ที่จะออกในเดือนพ.ย.นี้ เพื่อแสดงว่าไทยมีความเสมอภาคทางเพศ ททท.จึงพร้อมเสนอขายกลุ่มนี้ และเชื่อว่ากลุ่ม LGBT จะสร้างรายได้อุดตลาดช่วงโลว์ซีซั่นได้”
ชู 5 ยุทธศาสตร์ทำตลาดระยะไกล
นางศรีสุดา ยังกล่าวด้วยว่า แนวทางการทำตลาดปี 2562 สำหรับตลาดต่างประเทศ ททท.เน้น 5 แนวทาง ประกอบด้วย
- go local เน้นส่งเสริมเมืองรอง ด้วยการเลือกพื้นที่ที่มีศักยภาพและพร้อมขายจาก 55 จังหวัด โดยต้องการเห็นทุกสำนักงานต่างประเทศของ ททท.เริ่มขายอย่างน้อย 1 เมืองรอง
- go high-end มุ่งเพิ่มรายได้ต่อคน โดยในปี 2562 ได้วางเป้าหมายตัวเลขการใช้จ่ายโตมากกว่า 4% ด้วยการเจาะนักท่องเที่ยวกลุ่มลักเซอรี่ และกลุ่มความสนใจเฉพาะ
- go new customer มุ่งหาลูกค้าใหม่ๆ มากขึ้น เพราะที่ผ่านมานักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเดินทางซ้ำ
- go low season ดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะตลาดระยะไกล ให้เดินทางมาเที่ยวในช่วงโลว์ซีซั่นมากขึ้น
- go digital ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ด้วยการนำบิ๊กดาต้ามาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพ โดยได้สั่งการให้สำนักงานททท.ในต่างประเทศทำโครงการด้านการตลาดดิจิทัล อย่างน้อยสำนักงานละ 1 โครงการ
ทั้งนี้ ททท. จะนำกลยุทธ์ Go Local ไปโปรโมทผ่นแคมเปญ “Eat Thai, Visit Thai” เพื่อนำเสนออาหารไทยที่นักท่องเที่ยวต่างชาติชื่นชอบ เป็นสะพานเชื่อมไปยังวิถีถิ่น ผ่านร้านอาหารไทยในสหรัฐอเมริกาและคานาดา รวมถึงพันธมิตรสายการบิน ทั้งในเชิงการขายและประชาสัมพันธ์
โดยแคมเปญ Eat Thai Visit Thai จะถูกนำเสนอเป็นแนวคิดหลักของททท. ในการเข้าร่วมงานเทรดโชว์ ส่งเสริมการขายงานใหญ่ช่วงปฃายปีนี้ อย่างเวิลด์ทราเวล มาร์ท (WTM) ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-7 พ.ย.นี้ ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เพื่อโปรโมทการท่องเที่ยวเชิงอาหาร เชื่อมวิถีกินสู่วิถีถิ่น
สำหรับเป้าหมายทางการตลาด ททท.ให้ความสำคัญกับการตั้งเป้าหมายในเชิงรายได้ แต่ในเชิงจำนวนนักท่องเที่ยวได้วางเป้านักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2562 ไว้ที่ 40 ล้านคน สูงกว่าเป้าหมายปีนี้ที่ตั้งไว้ 37 ล้านคน ส่วนตลาดนักท่องเที่ยวชาวไทย 169 ล้านคน-ครั้ง เติบโตจากฐานปี 2561 ซึ่งคาดว่าจะปิดได้ที่ 160 ล้านคน-ครั้ง
ส่วนเป้าหมายรายได้ นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการททท. ได้กำหนดไว้ว่าในปี 2562 ตั้งเป้ารายได้รวม 3.41 ล้านล้านบาท มาจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศ 2.29 ล้านล้านบาท ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยว 40 ล้านคน
