สภาทองคำโลก มองทิศทางราคาทองคำในปี 2564 ยังได้รับแรงหนุนจากหลายปัจจัยที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปีนี้ ทำให้ทองคำยังทรงตัวอยู่ได้ในระดับสูง
การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปีที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างรุนแรงและทำให้เกิดความเสี่ยงมากมายหลายด้าน แม้ว่าในช่วงปลายปีที่ผ่านมา นักลงทุนจะมองว่าความเลวร้ายจะผ่านพ้นจากหลังจากมีการพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19
อย่างก็ตาม เมื่อมองไปข้างหน้า นักลงทุนอาจเพิ่มการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง เนื่องจากแนวโน้มดอกเบี้ยโลกยังต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง หลังจากที่ธนาคารทั่วโลกอัดฉีดเงินเข้าระบบมหาศาล เพื่อลดผลกระทบจากมาตรการป้องกันโควิด
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่บรรดานักลงทุนใช้ในการปรับพอร์ตลงทุนทองคำใหม่ มี 3 ปัจจัยหลัก ดังนี้
- การขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลทั่วโลก
- เงินเฟ้อจะขยับสูงขึ้นจากมาตรการอัดฉีด
- การปรับฐานของตลาด ท่ามกลางมูลค่าตลาดหุ้นสูงเป็นประวัติการณ์
สภาทองคำโลกมองว่าในภาวะเช่นนี้ ราคาทองคำยังคงได้รับแรงหนุนและประคองตัวอยู่ได้ ขณะที่ความต้องการทองคำมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะผู้บริโภคในตลาดเกิดใหม่
ย้อนรอยทองคำปี 2563 ผลตอบแทนดีสุด
ในปี 2563 ทองคำเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุด เมื่อเทียบกับการลงทุนในสินทรัพย์หลัก ๆ อย่างตลาดหุ้น น้ำมันและพันธบัตรรัฐบาล โดยได้รับแรงหนุนจาก
- ความเสี่ยงสูง
- อัตราดอกเบี้ยต่ำ
- ราคาขยับขึ้นแรงจากกระแสเงินไหลเข้าทองคำตั้งแต่ช่วงกลางปี
ในปี 2563 เป็นปีแห่งความผันผวนของสินทรัพย์ทั่วโลก แต่ทองคำปรับลดลงน้อยที่สุด ซึ่งทำให้การลงทุนทองคำไม่ได้รับผลกระทบจากความผันผวนที่เกิดขึ้นมากนัก
ในต้นเดือนส.ค. 2563 ราคาทองคำทะยานแตะระดับสูงสุดที่ 2,067 ดอลลาร์/ออนซ์ จากนั้นร่วงลงในระดับปี แต่ก็ยังยืนเหนือระดับ 1,850 ดอลลาร์/ออนซ์ และจบสิ้นปียืนอยู่ที่ 1,887.60 ดอลลาร์/ออนซ์
ที่สำคัญ คือ ราคาทองคำในช่วงครึ่งหลังปี 2563 เกิดจากความต้องการซื้อทองคำแท่ง ทั้งจากกองทุนอีทีเอฟและการซื้อจากผู้บริโภค มากกว่าเกิดจากแรงซื้อในตลาดซื้อขายล่วงหน้า ซึ่งเป็นการเก็งกำไรทองคำ
การลงทุนที่เกิดขึ้นในทองคำแท่งและเหรียญทองคำ เป็นการสะสมทองคำมากกว่าการเล่นเก็งกำไรจากราคาขึ้น-ลง โดยนักลงทุนมองทองคำเป็นสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์การลงทุน มากกว่าการเล่นเก็งกำไร
เงินลงทุนทองคำเพิ่มขึ้น เพราะดอกเบี้ยต่ำ-เงินเฟ้อพุ่ง
ตลาดหุ้นทั่วโลกทะยานขึ้นในช่วงปลายปี โดยดัชนี MSCI ตลาดหุ้นทั่วโลกพุ่งขึ้น 20% ในชวงเดือนพ.ย.-ธ.ค. 2563 อย่างไรก็ตาม การระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ และความวุ่นวายทางการเมืองในสหรัฐ ทำให้นักลงทุนระมัดระวังการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง
นักลงทุนในตลาดยังกังวลการขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก เพื่อนำเงินมาใช้ฟื้นฟูผลกระทบจากโควิด-19 รวมถึงธนาคารกลางยังคงกดดอกเบี้ยต่ำ และอัดฉีดเงินเข้าระบบเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะเป็นแรงกดดันเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้น
ยิ่งกว่านั้น ท่าทีของธนาคารยักษ์ใหญ่อย่างธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) และธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี) ได้ส่งสัญญาณว่าสามารถปล่อยให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงกว่าเป้าหมายได้
จากสถานการณ์ดังกล่าวเป็นผลดีต่อราคาทองคำ เมื่อย้อนกลับไปดูการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในอดีต ราคาทองคำจะเพิ่มขึ้น หากนักลงทุนเริ่มกังวลต่อตลาดหุ้นและถอนเงินลงทุน และเงินเฟ้อสูง ซึ่งหากเงินเฟ้อขึ้นมากกว่า 3% จะส่งผลให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะ 15%
อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำมัแนวโน้มสูงขึ้นในช่วงภาวะเงินฝืดเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นช่วงที่อัตราดอกเบี้ยต่ำ และเกิดแรงกดดันในภาคการเงินสูง ความต้องการทองคำมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นและดันราคาสูงขึ้น
การฟื้นตัวเศรษฐกิจหนุนความต้องการทองคำ
จากการสำรวจแนวโน้มเศรษฐกิจ บรรดานักเศรษฐศาสตร์ทั่วโลกคาดว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวในปี 2564 ซึ่งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะหนุนความต้องการทองคำจากหลายประเทศ โดยเฉพาะจากจีนและอินเดีย ที่จะหนุนความต้องการทองคำสูงขึ้นในปีนี้
ผลกระทบจากโควิด-19 ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกขยายตัวต่ำกว่าศักยภาพ และราคาทองคำทะยานขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แม้จะมีความต้องการจากผู้บริโภคชาวจันและอินเดียเพิ่มจาก แต่ในเขตแื่นยังไม่ฟื้นตัว
ธนาคารกลางลดการซื้อทองคำสำรอง
ราคาทองคำทะยานขึ้นในช่วงครึ่งแรกปี 2563 ทำให้บทบาทของธนาคารกลางทั่วโลกเปลี่ยนแปลงแปลงในช่วงครึ่งปีหลัง บางเดือนซื้อสุทธิ แต่บางเดือนก็ขายสุทธิ ขึ้นกับราคาในตลาดโลก
ธนาคารกลางหลายแห่ง ซื้อทองคำต่อเนื่องมาทุกปีเพื่อใช้เป็นทุนสำรอง แต่เริ่มขายออกมาในช่วงปลายปี แม้ว่าสิ้นปี 2563 จะมีสถานะซื้อสุทธิ แต่มูลค่าการซื้อสุทธิต่ำกว่าปี 2561-62 และคาดว่าบทบาทของธนาคารในตลาดจะไม่ต่างจากปีที่ผ่านมามากนัก
จากสภาพแวดล้อมที่ดอกเบี้ยทั่วโลกต่ำและความจำเป็นต้องใช้เป็นทุนสำรอง ทำให้ธนาคารกลางยังคงซื้อทองคำในปี 2564 แต่จะมากน้อยแค่ไหนขึ้นกับระดับราคา
แนวโน้มราคาทองคำปี 2564
ในปี 2564 ราคาทองคำจะเคลื่อนไหวจากปัจจัยในปีนี้ คือ
- เศรษฐกิจโลกค่อย ๆ ฟื้นตัว
- การฟื้นตัวล่าช้าออกไป
- วิกฤติการเงินขยายวงกว้างจากผลกระทบ
- การฟื้นตัวเศรษฐกิจเร็วกว่าคาดการณ์
- ผลกระทบการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในรอบสอง
จากการวิเคราะห์ถึงปัจจัยเหล่านี้ที่จะส่งผลต่อราคาทองคำ คาดว่าราคาทองคำในปีนี้ยังมีแนวโน้มดีขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากการฟื้นตัวจากความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งจะผลักดันให้ราคาทองคำอาจทะยานสูงขึ้นไปอีก ยิ่งกว่านั้นราคาทองจะได้รับแรงหนุนจากดอกเบี้ยต่ำ
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่จะผลักดันราคาทองคำในปีนี้ คือ ความต้องการของผู้บริโภคจากการฟื้ตัวเศรษฐกิจ ซึ่งในปีที่ผ่านมา ชะลอลงไปมากจากผลกระทบโควิด-19
ปัจจัยที่ต้องติดตามที่มีผลต่อราคาทองคำอีก 2 ปัจจัย คือ “วิกฤติการเงินโลก” และ “การแพร่ระบาดรอบใหม่” ที่มีผลต่อความต้องการทองคำ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา ซึ่งหากยังคงเกิดขึ้นก็จะส่งผลกระทบต่อราคาทองคำปรับลง
ข้อเท็จจริงสำคัญของราคาทองคำ คือ นักลงทุนจะเข้าไปลงไปในสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง เช่น ทองคำ ในสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงสูง
อ่านข่าวเพิ่มเติม:
- ราคาทองคำวันนี้ 30 ม.ค. ลดลง 50 บาท
- โควิดวันนี้ 31 ม.ค. ทั่วโลกติดเชื้อทะลุ 103 ล้าน ‘สหรัฐ’ ยังหนัก เดือนเดียวผู้ป่วยใหม่เกิน 6 ล้านคน
- คาด ‘เศรษฐกิจโลก’ ขยายตัว 4% เงื่อนไขวัคซีนโควิด-19 พร้อมใช้วงกว้าง