Business

เจาะลึก ก้าวย่างอาร์เอส ปั้น ธุรกิจคอมเมิร์ซ ผงาดเป็นขาหลักสร้างรายได้

ก้าวย่างอาร์เอส ในวันที่ธุรกิจดนตรี ไม่ใช่ขุมทองอีกต่อไป ส่งผลให้อาร์เอส ต้องปรับกระบวนทัพครั้งใหญ่ ด้วยการปั้นธุรกิจใหม่ เป็นดาวรุ่งสร้างรายได้แทนที่ 

อาร์เอส กรุ๊ป ถือเป็นหนึ่งในไม่กี่องค์กรของไทย ที่สามารถก้าวผ่านสถานการณ์โควิด-19 และพาธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคงในปีที่ผ่านมา และที่น่าสนใจคือ ในปี 2564 นี้ อาร์เอส ได้หันหางเสืออย่างชัดเจน โดย ก้าวย่างอาร์เอส จะมุ่งสู่ธุรกิจใหม่ ๆ ด้วยโมเดลธุรกิจ “Entertainmerce” โดยเฉพาะการปั้นธุรกิจคอมเมิร์ซ เพื่อทะยานสู่เป้าหมายรายได้ 5,700 ล้านบาท ในปีนี้

ก้าวย่างอาร์เอส

นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แม้ปีที่ผ่านมาสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 จะส่งผลกระทบอย่างมาก ต่อทุกภาคส่วน แต่อาร์เอส เป็นองค์กรที่ปรับตัวเร็ว สามารถตั้งรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที มีการปรับแผนให้เหมาะสมและสอดคล้อง

นอกจากนี้ โมเดลธุรกิจ “Entertainmerce” ยังพิสูจน์ให้เห็นถึงความสำเร็จ ทำให้ผลประกอบการในปีที่ผ่านมา สามารถทำรายได้นิวไฮได้อย่างต่อเนื่องในทุกไตรมาส สำหรับแผนธุรกิจในปี 2564 นี้ แม้โควิด-19 ยังกลับมาระบาดระลอกใหม่ แต่อาร์เอส กรุ๊ป มีความพร้อมความเข้าใจในการรับมือ และมีควาสามารถในการปรับตัวตามสถานการณ์ต่างๆ จึงมั่นใจว่าจะสามารถรับมือได้ดี

ก้าวย่างของอาร์เอส ในปี 2564 นี้ จะประกอบด้วย 4 ปัจจัยที่มั่นใจว่าจะสามารถสร้างการเติบโตได้ต่อเนื่องได้แก่

  • การพัฒนาต่อเนื่องของ อาร์เอส มอลล์ (RS Mall) ซึ่งสอดรับกับเมกะเทรนด์สำคัญของโลก และการเติบโตของดาต้าเบส ซึ่งปัจจุบันมีฐานลูกค้า 1.6 ล้านราย และคาดว่าจะเติบโตสูงถึง 2 ล้านราย ณ สิ้นปี 2564
  • การเติบโตแบบก้าวกระโดดของ บริษัทไลฟ์สตาร์ ด้วยการออกสินค้าประเภทใหม่ ๆ สู่ตลาดทุกช่องทาง ที่ไม่ได้ขายเพียงช่องทาง อาร์เอส มอลล์ (RS Mall) เท่านั้น
  • การสร้างรายได้เพิ่มจากกลยุทธ์ Content-Driven ผ่านทางช่อง 8, COOLISM และ RS Music
  • การทำ Mergers and Acquisitions (M&A) จากการ Synergy กับโมเดลธุรกิจ Entertainmerce

อาร์เอส

สำหรับแต่ละปัจจัย ได้วางแผนการดำเนินงาน ดังนี้

  • ธุรกิจคอมเมิร์ซ

อาร์เอส มอลล์ (RS Mall) เป็นแพลตฟอร์มที่จำหน่ายสินค้าและบริการ ในหลากหลายกลุ่ม โดยตั้งเป้าที่จะเป็นพันธมิตรทางด้านสุขภาพให้กับลูกค้า ซึ่งเมกะเทรนด์ที่สำคัญในปีนี้ มุ่งเน้นไปที่การดูแล และใส่ใจในเรื่องสุขภาพ และกลุ่มคนรุ่นเก่า (Silver Generation หรือ Young Old) ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง เป็นหัวใจสำคัญของ โมเดลธุรกิจ ของอาร์เอส มอลล์

สำหรับการเติบโตทางธุรกิจ อาร์เอส มอลล์ ตั้งเป้าไว้ที่ 30% จากรายได้ที่มาจากช่อง 8 ช่องทีวีดิจิทัลพันธมิตร และช่องทีวีดาวเทียม และช่องทางจากเทเลเซลล์

 

แนวทางการทำธุรกิจคอมเมิร์ซ จะเน้นการทำตลาดกลุ่มสินค้า ที่ตอบโจทย์เรื่องการดูแลสุขภาพ ในทุกมิติ ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าหลักของ อาร์เอส มอลล์ และจัดหาสินค้าเฉพาะ ผ่าน RS Mall เท่านั้น ซึ่งตอบโจทย์ลูกค้าแต่ละกลุ่มอย่างชัดเจน

นอกจากนี้ การเป็น Virtual Store ที่ยังคงเป็นข้อได้เปรียบ จากสถานการณ์โรคระบาด ที่ยังไม่มีความแน่นอน ในขณะเดียวกัน รูปแบบการให้บริการผ่านเจ้าหน้าที่ ที่พร้อมจะให้คำอธิบาย บนทุกปัญหาสุขภาพ กลับสามารถทำให้ลูกค้ามั่นใจ และปิดการขายได้มากกว่าร้านค้าออนไลน์ทั่วไป

พร้อมกันนี้ เพื่อรักษาลูกค้าไว้อย่างเหนียวแน่น อาร์เอส จะให้ความสำคัญกับการสร้างระบบ CRM ที่แข็งแรง เพื่อสร้างการซื้อซ้ำ รวมถึงการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ เพื่อทำให้เข้าใจลูกค้ามากขึ้น อาทิ การสร้าง Customer Data Platform นำข้อมูลของลูกค้าในหลากหลายมิติมาประมวลผลให้สามารถนำเสนอสินค้าและบริการได้ตรงใจ และตรงเวลา, การนำระบบ Voice Analytics มาปรับปรุงคุณภาพการให้บริการ เป็นต้น

1 อาร์เอส กรุ๊ป

  • บริษัท ไลฟ์สตาร์ จำกัด

ในปีนี้ นับเป็นปีที่ก้าวกระโดดของไลฟ์สตาร์ เนื่องจากจะนำเสนอสินค้าที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น เพื่อตอบโจทย์กลุ่มคนรักสุขภาพ และเทรนด์การใช้ชีวิตแบบใหม่ โดยเพิ่มประเภทสินค้าใหม่ ภายใต้แบรนด์ใหม่ เข้าสู่ตลาดแมส อย่างเต็มตัว

การเปิดตัวและก้าวสู่ธุรกิจผลิตภัณฑ์ฟังก์ชันนอล ดริงค์, ผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ใช้นวัตกรรมขั้นสูง และอาหารสัตว์เลี้ยง โดยไลฟ์สตาร์จะขยายช่องทางการจำหน่าย ไปสู่ช่องทางการขาย ที่เหมาะสมกับแต่ละประเภทสินค้า หลากหลายช่องทาง ทั้งการขายผ่านอีคอมเมิร์ซ และ อาร์เอส มอลล์

  • ธุรกิจสื่อและบันเทิง

1. สถานีโทรทัศน์ช่อง 8 จะชูกลยุทธ์ Content-Driven Marketing ผลิตคอนเทนต์ให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย จัดวางแต่ละคอนเทนต์ในช่วงเวลา และเลือกใช้วิธีที่เข้าถึงผู้ชมตามกลุ่มเป้าหมาย รวมไปถึงการจัดวางคอนเทนต์อย่างเหมาะสม ให้เข้าถึงง่าย

ปัจจุบัน ช่อง 8 เป็นช่องเดียว ที่มีรายได้หลากหลาย ทั้งจากการโฆษณา รายได้จาก RS Mall หรือธุรกิจคอมเมิร์ซของบริษัท รายได้จากการจัดอีเว้นท์ และรายได้จากการขายคอนเทนต์ การทำรีเมคออริจินัล คอนเทนต์ ฯลฯ โดยวางเป้าหมายเข้าถึงผู้ชมในแต่ละช่องทางรวมกันมากกว่า 50 ล้านคน ในสิ้นปี 2564

2. COOLISM มุ่งเน้นกลยุทธ์แม่น้ำ 3 สาย ได้แก่ ธุกิจ COOLfahrenheit สถานีเพลงไทยสากลอันดับหนึ่ง ที่มีผู้ฟังทั้งบนออนแอร์และออนไลน์รวมกันกว่า 3.7 ล้านคน ซึ่งในปีนี้จะขยายฐานสู่ กลุ่มคนรุ่นใหม่ มากขึ้น, ธุรกิจ COOLive ที่ร่วมมือกับกลุ่มธุรกิจเพลง จัดคอนเสิร์ตและกิจกรรมตลอดทั้งปี และ ธุรกิจ COOLanything เมนูช้อปปิ้ง ทั้งบนแอปพลิเคชัน และเว็บไซต์ เพื่อตอบโจทย์กลุ่มคนฟังให้ช้อปปิ้งและฟังเพลงไปพร้อมกัน

3. RS Music จะให้ความสำคัญกับการบริหารลิขสิทธิ์คลังเพลงที่แข็งแรง เน้นการเพิ่มมูลค่า จากโซเชียลมีเดีย ของแต่ละศิลปิน ทั้งศิลปินใหม่ 9 คนจาก 3 ค่ายเพลง รวมถึงศิลปินเดิมที่มีฐานผู้ฟังเหนียวแน่น พัฒนาขึ้นเป็น อินฟลูเอนเซอร์ จากไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง และต่อยอดสู่การเป็นพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ ตามโมเดล Music Star Commerce รวมไปถึงการจัดคอนเสิร์ตและอีเว้นท์ต่างๆ

  • การเข้าซื้อหุ้น บริษัท เชฎฐ์ เอเชีย จำกัด

นับเป็นการรุกเข้าสู่ธุรกิจ “บริหารสินทรัพย์-สินเชื่อรายย่อย” เพื่อสร้างการเติบโตในแนวราบ และสอดคล้องกับ ภาวะแนวโน้มเศรษฐกิจในปัจจุบัน ที่จำนวนหนี้ด้อยคุณภาพมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

อาร์เอส1

บริษัทจึงมองเห็นโอกาสในการต่อยอดโมเดลธุรกิจ Entertainmerce เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มธุรกิจของอาร์เอส และร่วมมือกันเสริมศักยภาพ กลุ่มบริษัทเชฎฐ์ โดยวางเป้าหมายก้าวขึ้นสู่ การเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนี้ภายใน 2 ปี

นอกจากนี้ อาร์เอส ยังมองหาพารท์เนอร์ทางธุรกิจเพื่อเข้าซื้อหุ้นเพิ่มอีก 1 – 2 ดีลภายในปีนี้ เพื่อต่อยอดจากโมเดลธุรกิจ Entertainmerce และทำให้ ระบบนิเวศทางธุรกิจของ อาร์เอส กรุ๊ป ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง

จากแผนงานทั้งหมดนี้ อาร์เอสมั่นใจว่า จะสามารถทำให้ไปสู่เป้าหมายรายได้ 5,700 ล้านบาทในปี 2564 โดยธุรกิจคอมเมิร์ซ จะกลายเป็นธุรกิจหลัก ที่สร้างรายได้ถึง 70% ตามด้วยธุรกิจสื่อ 20% และธุรกิจเพลงและอื่น ๆ 10%

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo