Politics

รอลุ้นเคาท์ดาวน์ปีใหม่! ‘นายกฯ’ ขอดู 7 วันประเมินสถานการณ์

เคาท์ดาวน์ปีใหม่ “นายกรัฐมนตรี” ขอประเมินสถานการณ์ 7 วัน หวังทุกอย่างจะคลี่คลายลง ขู่ปิดโรงงานหากพบทำผิดกฎหมาย รับที่ผ่านมานอนไม่หลับเลย

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงความคืบหน้าการแก้ไขสถานการณ์โควิดระบาดรอบใหม่ ว่า ขอให้ทุกคนเข้าใจว่า ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ ตนไม่เคยหยุดคิด ไม่เคยหยุดติดตามสถานการณ์ และได้มอบหมายให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งอาสาลงไปในพื้นที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมต่างๆ ขอยืนยันว่า มาตรการเรายังทำครบถ้วนอยู่ เพียงแต่ต้องแสวงหาข้อมูลให้มากขึ้นจากภาคเอกชน ในกรณีที่รับแรงงานต่างด้าวที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย

“ที่ผ่านมาคิดว่าแรงงานต่างด้าวในประเทศค่อนข้างจะปลอดภัย แต่ตอนนี้แสดงว่ามีรูรั่วตรงนี้ รั่วจากใคร จากคนที่ไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบและมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข ฉะนั้นเราโทษใครไม่ได้ พวกเราทุกคนมีส่วนร่วมทั้งสิ้น รัฐบาลมีมาตรการ สาธารณสุข ก็มีตรวจติดตาม แต่แน่นอนต้องมีการเล็ดลอด ซึ่งตรงนี้จะทำอย่างไร ดังนั้นสังคมต้องช่วยกัน ถ้ายังทำอย่างนี้กันอยู่มาตรการจะต้องนำไปสู่ล็อกดาวน์แน่นอนต่อไปในอนาคตถ้ามีปัญหา แต่เรายังเดินไม่ถึงจุดนั้น” นายกรัฐมนตรี กล่าว

เคาท์ดาวน์ปีใหม่

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ช่วงเช้าได้ฟังรายงานสรุปจากสาธารณสุขและรองนายกฯแล้ว ชี้แจงว่า ยังสามารถควบคุมได้อยู่ แต่ได้มีการเตรียมมาตรการความพร้อมเอาไว้ ไม่ว่าจะเรื่องการรักษาพยาบาล โรงพยาบาลสนาม ยาฟาวิพิราเวียร์ เพียงแต่คนเหล่านี้ต้องเข้าสู่ระบบให้ได้ ใครที่สงสัยหรือเข้าไปในพื้นที่ต้องไปพบแพทย์หรือสาธารณสุขจังหวัดเก็บสิ่งส่งตรวจทางจมูกและปาก (Swab) เพื่อตัวเองจะได้ปลอดภัยและไม่เป็นพาหะไปติดต่อคนอื่น ในพื้นที่วันนี้ก็ได้ล็อกดาวน์เป็นพื้นที่ไปแล้ว และตรวจสอบในพื้นที่ที่ล็อกดาวน์มีรถพระราชทานเข้าไปตรวจสอบ Swab ทั้งหมดหลายพันคนแล้ว ตัวเลขตามที่ว่า

“วันนี้วันที่ 21 ธันวาคม ผมจะดูอีก 7 วันข้างหน้าจะมีอะไรขึ้น นั่นแหละจะตามมาสู่ เคาท์ดาวน์ปีใหม่ จะทำอย่างไรกันดี วันนี้ยังไม่ได้พูดไปตรงนั้น ก็อย่าเพิ่งตื่นตระหนกแล้วกัน หวังอย่างยิ่งว่าภายใน 7 วันทุกอย่างจะคลี่คลายลง วันนี้ตรวจสอบยังไงมันต้องพบมากขึ้น เพราะตรวจสอบในพื้นที่คนงานต่างๆเหล่านี้ นี่คือปัญหาของเรา การเล็ดลอด เพราะคนเหล่านี้อยู่ในประเทศ แต่ปรากฏว่าลักลอบหนีกลับไปแล้วกลับเข้ามาใหม่ ตรงนี้ทำอย่างไร คนไทยต้องช่วยกันดูแล เจ้าหน้าที่ก็มีจำนวนเท่าที่มี เพิ่มเติมไปก็ได้เท่านี้ คนที่จะรู้จริงๆคือคนในพื้นที่ เจ้าของโรงงาน” นายกรัฐมนตรี กล่าว

อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ตนได้กำหนดมาตรการไปแล้ว จะต้องมีมาตรการติดตามตัวแรงงานทุกคน ถ้าเจอแรงงานผิดกฎหมาย จะต้องปิดโรงงาน ใครมีข้อมูลขอให้แจ้งมา เรื่องขบวนการมันมีอยู่แล้วทุกที่ ทุกประเทศ คนทำผิดกฎหมายก็ขยันทำกันจริง ทำอะไรที่เป็นประโยชน์ก็มาโกง ทั้งโครงการคนละครึ่ง เที่ยวด้วยกัน ทำไมขยันโกงกันไม่เข้าใจ ไม่ทำมาหากินสุจริตกันบ้างหรืออย่างไรก็ไม่รู้

เมื่อถามว่า มองกันว่าแรงงานต่างด้าว ที่ลักลอบเข้ามา อาจมีเจ้าหน้าที่รู้เห็นเป็นใจรับผลประโยชน์ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ได้ให้ตรวจสอบ และมีการรายงานตนมาแล้ว จากหน่วยที่เกี่ยวข้อง เข้มงวดตรงไหนอย่างไร ซึ่งเขาก็จับกุมได้ แต่มันก็มีเล็ดลอด แม้ว่ากลางคืนจะมีการลาดตะเวน แต่ระยะทางชายแดนประมาณ 2,500 กว่ากิโลเมตร ที่เชื่อมต่อประเทศรอบบ้าน เจ้าหน้าที่ทำเต็มที่แล้ว  ช่องทางที่เคยออกมาก็ไปเปิดช่องทางใหม่ เพราะมันไม่มีรั้ว เป็นพื้นที่ป่าเขา

คนที่จะรู้คือชุมชน ท้องถิ่น ต้องมาบอกแจ้งเจ้าหน้าที่บ้าง ไม่ใช่ต่างคนต่างอยู่แล้วให้เจ้าหน้าที่ทำงานอย่างเดียว ถ้าไปบอกเจ้าหน้าที่ว่ามีตรงไหนลักลอบ เขาก็จะไปทันที ทำไมไม่ช่วยกันแบบนี้ มาโยนกันไปกันมา ซึ่งตนไม่ได้ปฏิเสธความรับผิดชอบ ต้องรับผิดชอบด้วยกันสิ มันจะได้ทำสำเร็จทุกเรื่อง จะอย่างไรก็ว่ากันมา

เมื่อถามว่า จุดที่มีแรงงานต่างด้าวจำนวนมากที่ไม่ใช่พื้นที่ จ.สมุทรสาคร จะสั่งการให้ลงพื้นที่ตรวจสอบด้วยหรือไม่ อย่างตลาดไท ตลาดใหญ่ๆ ในพื้นที่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ลงตรวจด้วยเช่นกัน โดยได้สั่งการให้กระทรวงสาธารณสุข แจ้งไปยังทุกจังหวัดทำการสุ่มตรวจในทุกพื้นที่ ที่มีแรงงานต่างด้าว ต้องให้กำลังใจเจ้าหน้าที่บ้าง เพราะทำงานหามรุ่งห่ามค่ำ มีเสียชีวิตและบาดเจ็บไปหลายคน เพราะเขาไปอยู่กับคนเหล่านี้เขายังไม่บ่นเลย ฉะนั้นพวกเราจะต้องช่วยกันด้วย มีข้อมูลอะไรให้แจ้งเจ้าหน้าที่

“หากไปพูดอะไรให้เสียหายจะไปใหญ่ไปโต แล้วจะมีปัญหากันอีก แล้วนำไปสู่การล็อกดาวน์ ตนไม่อยากไปตรงนั้น ต่างประเทศกลับมาล็อกดาวน์ไม่รู้กี่รอบแล้ว แต่ไทยยังไม่ถึงขั้นนั้น ซึ่งครั้งนี้เป็นการแพร่ระบาดแบบที่รู้ที่มา เหมือนครั้งที่แล้วที่รู้ว่าการแพร่ระบาดมาจากสนามมวย เพียงแต่ครั้งนี้มีปริมาณคนที่มากกว่า ทั้งนี้ ขอให้ระมัดระวัง ขอให้ใส่หน้ากากอนามัย กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ เว้นระยะห่าง ใช้แอปพลิเคชันไทยชนะที่ขณะนี้กำลังพัฒนาแอปพลิเคชันใหม่อยู่” นายกรัฐมนตรี กล่าว

เมื่อถามว่า ปีใหม่นี้ยังไม่ได้ระบุให้ยกเลิกการจัดงานเคาท์ดาวน์ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ยัง ขอดูก่อน จะวันไหนก็วันนั้น

เมื่อถามว่า ต้องพิจารณาไปถึงว่า ต้องงดกิจกรรมวันเด็กปีหน้าด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า ว่ากันทีละวันก่อน ปีใหม่ยังไม่เรียบร้อย ถ้าต้องไปถึงวันเด็กด้วย อยากให้เป็นอย่างนั้นหรือ ไม่มีใครอยากให้เป็นแบบนั้น ตนจึงต้องระมัดระวัง ต้องใช้เหตุผลและความเชื่อมั่นในสาธารณสุข บางทีมีคนออกมาพูดนั้นพูดนี้ คนก็เป๋ไปเป๋มา แล้วก็ทำให้การแก้ปัญหาเป็นไปได้ยาก มันเป็นอย่างนี้ ขอร้องเถอะมีอะไรก็ขอให้ติดต่อไปที่ศูนย์โควิด-19 กระทรวงสาธารณสุข มีอะไรที่อยากจะพูด

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า นายกรัฐมนตรี จะใช้ช่วงเวลา 7 วัน ประเมินสถานการณ์ก่อนใช่หรือไม่ ก่อนมีมาตรการเพิ่มเติมอะไรออกมา พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะไปประเมิน 7 วันว่าต้องทำอย่างไรต่อ ควรแค่ไหนอย่างไร ในเรื่องของมาตรการ ตนก็อยากให้ทุกอย่างเรียบร้อย เพราะความสุขกำลังจะมา แต่มีคนที่ไม่ร่วมมือ ไม่ทำตามกติกา ก็ทำให้ความสุขหายไปทีละนิด นั้นคือสิ่งที่เกิดจากการกระทำของพวกเราทั้งสิ้น ทุกคนต้องช่วยกันทำความดี ตนพูดในหลักการของตน และขอให้เข้าใจว่า รัฐบาลทำทุกอย่าง พอเรื่องนี้เริ่มดีก็มีเรื่องนั้นเข้ามาอีก ฉะนั้น ทุกคนต้องช่วยกัน การเมืองก็เรื่องของการเมือง

เมื่อถามว่า เสาร์-อาทิตย์ ที่ผ่านมานอนไม่หลับเลยใช่หรือไม่ เพราะจากตัวเลขผู้ติดเชื้อสูงขึ้น นายกฯ กล่าวว่า มันจะหลับไหมล่ะ ดูตาตนสิ คิดไปด้วย โทรศัพท์อ่านไลน์ อ่านจนตาจะแตกอยู่แล้ว ก็สั่งการมาตลอดทุกวัน ไม่ใช่เพิ่งสั่งวันนี้ สั่งตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ก็ยังไม่หยุด เพราะให้ความสำคัญเป็นอันดับหนึ่งอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะให้กำลังใจ นายอนุทิน ที่โซเชียลมีเดียมีการเรียกร้องให้ถอดถอนออกจากตำแหน่ง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า แล้วมันถูกหรือไม่ ที่ไปโทษคนนั้นคนนี้กันทั้งหมด ไม่อย่างนั้นต้องไล่ออกตั้งแต่ทหาร ตำรวจ ตลอดทั้งหมด มันทำแบบนั้นไม่ได้ ก็ต้องไปหาแล้วชี้ว่าตรงไหนมีปัญหา ตรงไหนมีการทุจริต ถ้ามาบอกว่ามีแรงงานเข้ามาประเทศรออยู่แสนคน มีขบวนการ มีเจ้าหน้าที่รับเงินให้แจ้งมาว่าเป็นที่ไหน

“ซึ่งตนก็ตรวจตลอด ผู้บังคับบัญชาก็ลงพื้นที่ด้วยตัวเองตลอดไปหาข้อมูล ซึ่งไม่ได้ไปหาจากทหาร แต่ไปหาข้อมูลจากชาวบ้านว่ามีขบวนการเหล่านี้หรือไม่ ซึ่งก็มีหรือกำลังมีก็ยังไม่รู้ หลายอย่างเกิดขึ้นทั้งนั้น มันไม่มีอะไรที่จะได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ถ้าเราไม่ร่วมใจกัน คนที่ชอบหาผลประโยชน์อย่างนี้มันน่ารังเกียจไม่ว่าจะใครไม่เคยละเว้นการลงโทษ” นายกรัฐมนตรี กล่าว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo