Entertainment

หยวน กวินรัฏฐ์ หนุ่มหล่อกล้ามโต เผยอีกมุมหนึ่งของชีวิตกับการเป็นสายบุญ

“หยวน กวินรัฏฐ์” หนุ่มหล่อกล้ามโต อดีตสมาชิกวงบอยแบนด์ชื่อดัง “DRAGON 5” เผยนิสัยสุดแปลก ถ่ายรูปตัวเองไม่เป็น  พร้อมเผยอีกมุมหนึ่งของชีวิตกับการเป็น สายบุญ ที่เจอปาฏิหาริย์มานับครั้งไม่ถ้วน

        ทำเอาสาวแท้สาวเทียมอ่อนระทวย เพราะแพ้ความหล่อล่ำของ หยวน กวินรัฏฐ์ กันถ้วยหน้า งานนี้ หนุ่มหล่อกล้ามโต อดีตสมาชิกวงบอยแบนด์ชื่อดัง “DRAGON 5” ที่มาเยือนรายการ ต้มยำอมรินทร์ ผลิตโดย CHANGE2561 เปิดใจว่าที่เห็นตัวเองออกกำลังกายสม่ำเสมอเพราะไม่อยากให้คุณแม่เสียใจและอยากมีสุขภาพที่แข็งแรงไว้ดูแลคนรอบข้าง ยอมรับมีนิสัยสุดแปลกถ่ายรูปตัวเองไม่เป็น พร้อมเผยอีกมุมหนึ่งของชีวิตกับการเป็น สายบุญ ที่เจอปาฏิหาริย์มานับครั้งไม่ถ้วน

batch 311 2

ถาม ตั้งปณิธานไว้ว่าจะไม่มีวันไม่มีกล้าม

หยวน คือ จริงๆแล้วก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรขนาดนั้นแต่เราต้องแข็งแรง คือ มันเกิดจากที่เราเป็นคนที่ไม่ป่วยเลยแล้ววันหนึ่งเราป่วยแล้วเรานอนอยู่ในห้องคุณแม่ขึ้นมาดูแลเราแล้วท่านร้องไห้ (เพราะที่ท่านร้องไห้เพราะเราไม่เคยป่วยท่านเลยตกใจ) พอเราเห็นแม่ของเราเป็นแบบนั้นเราเลยตั้งปณิธานเลยว่าต่อไปนี้เราจะดูแลรักษาสุขภาพให้ดีที่สุดให้แข็งแรงที่สุด อย่างน้อยที่สุดคือ เราจะได้มีแรงไปดูแลคนที่เรารักได้

ถาม แต่ถึงจะมีกล้ามเยอะ เล่นฟิตเนสบ่อย แต่ไม่เคยที่จะถ่ายรูปโชว์ อวดกล้ามเหมือนคนอื่นๆบ้างเลย

หยวน เรารู้สึกว่าการที่เราจะหยิบกล้องขึ้นมาแล้วถ่ายเซลฟี่ตัวเอง เราทำไม่ได้เลยจริงๆเพราะเราไม่ชินกับแบบนี้ คือ ขนาดแฟนคลับ หยวน ส่งข้อความมาเยอะมากจนเราต้องขอโทษเขาไปเลยว่าให้เราลงรูป สุดท้ายเราก็ต้องทำตามคำที่เขาขอร้องแต่รูปที่ออกมาคือ เราต้องใส่หัวหมี (หัวเราะ) มันไม่ได้มันเขิน

ถาม แต่ถ้าเรา 3 คน จ้าง หยวน ถ่ายได้ไหม

หยวน :  ได้ (หัวเราะ) คือ ไม่ใช่เพราะเรื่องเงินนะครับ แต่เพราะว่าถ้ามีคนขอเราถ่ายได้อะไรก็แล้วแต่ที่จุดเริ่มต้นไม่ได้มาจากตัวเองที่เราจะทำ หรือ มันมีประโยชน์เราทำให้ได้หมดเลย

ถาม หยวน dragon 5 เป็นวงบอยแบนด์ วงแรกของไทยที่ โกอินเตอร์ ร้องเพลงเป็นภาษาจีน คือ จริงๆพูดภาษาจีนได้อยู่แล้วใช่ไหม

หยวน พูดไม่ได้เลยครับ คือ ผมจะบอกว่าวง ดราก้อนไฟว์ ของผมคือ สร้างความมหัศจรรย์ให้กับผมเยอะมากคือ เราไปร้องเพลงที่ไต้หวัน ไม่มีใครพูดภาษาจีนได้เลยสักคน ทางค่ายเลยส่งครูสอนภาษาจีนมาสอนให้ แต่ไม่รู้ครูเขาถูกชะตาอะไรกับผมมีอะไรก็จะให้เพื่อนมาถามเรา เราเลยกลายเป็นเทพภาษาจีนไปเลย ตอนนี้เลยพูดได้ ก็มีงานจ้างไปเป็นพิธีกรต่างประเทศแต่ภาษาที่ใช้ก็ยังไม่เหมือนกันเพราะภาษาที่เราใช้ในชีวิตปกติกับทางการมันไม่เหมือนกัน

batch 313 2

ถาม แต่ก็เกือบไม่ได้เข้าวงการเพราะไปต่อยกับแมวมอง

หยวน ตอนนั้นจำได้เลยว่าอยู่สยาม คือ สยามเป็นที่ที่เขาจะมาดูเลยว่าคนไหนโดนเด่น เมื่อก่อนคือเราเป็นคนแต่งตัวเปรี้ยวมากพอเราเดินๆอยู่เรารู้สึกว่าเหมือนมีคนตามเราก็เดินตัดซอยเลย เขาก็เดินตามเรามา 5 ซอยเลย เราเดินมาถึงซอย 1 เราคิดว่าถ้ายังตามมาเราต่อยแน่ๆ แล้วพอเดินมาถึงซอย 1 ตามมาจริงๆเราหันมากำหมัดจะต่อยแล้ว พี่เขาร้องขึ้นมาเลยว่า (อย่าต่อยๆพี่พี่เป็นแมวมองพี่เป็นสไตล์ลิสต์) แล้วคือ เป็นสไตล์ลิสตืของ แพรว คือ หม่อมแม่ พี่หนุ่ม อภิวัฒน์ ตอนนั้นเราเลยให้คุยกับแม่ก็ให้เบอร์โทรที่บ้านไปพี่หนุ่ม ก็โทรไปคุยแต่บ้านเราเป็นคนจีน ซึ่งคนจีนก็ไม่ให้เลย แต่พี่หนุ่ม เขาก็ตื๊อตั้งแต่ 13 – 14 ได้ไปประกวด 4 – 5 ปี หลังจากนั้น ก็ติด 1 ใน 5 ของหนุ่มแพรวครับ

ถาม พี่หนุ่ม เป็นแมวมองในด้านการประกวด แต่แมวมองในด้านของการเป็นนักร้องก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลนั่นก็คือ พี่ฉอด นั่นเอง พี่ฉอด มาเห็นแววการเป็นนักร้องของ หยวน ได้ยังไง

หยวน คือ เป็นนายแบบ แล้วก็ไปทำงานเดินแบบตอนนั้นเราเด็กๆก็ฟุ้งฟิ้ง หน้าญี่ปุ่นใสๆ ก็มีพี่ๆเรียกตัวเราไปเดินแบบอยู่เรื่อยๆ และก็ได้ไปเดินที่ร้านคลื่นแทรกสาขาแรกของพี่ไก่ สมพล แล้วมีอยู่วันหนึ่ง พี่ฉอด บอกว่าเดี๋ยวเราจะรวมหลายๆอาชีพแล้วมาทำโชว์วันนั้นเขาเรียกว่า วันแมนโชว์ มีพี่ๆแซน พนมกร และนักแสดงจากเรื่องนั้น เรื่องนี้ เราก็มาเป็นตัวแทนของนายแบบ แล้วก็ไปซ้อมเต้นกับเขาเย็นนี้ แล้วพรุ่งนี้โชว์เลยแล้วปรากฏว่าเราทำได้ดีมาก พี่ฉอด เลยบอกว่าแกได้นะเดี๋ยวจะพาไปฝากกับ พี่เล็ก พี่ฉอด น่ารักมากที่พาเราไปฝากกับพี่เล็ก รู้สึกขอบคุณ พี่ฉอด มากๆด้วยนะครับ

หยวน : และในชีวิตเราก็รู้สึกดีใจมากที่ได้ร้องเพลงเวทีเดียวกับ BRIAN MCKNIGHT มันเป็นอะไรที่สุดๆในชีวิตของเราแล้วการเป็นนักร้องก็ทำให้เรามีประสบการณ์ชีวิตที่ดีๆต้องขอบคุณ พี่ฉอด มากๆครับ

ถาม จากคนที่เป็นวัยรุ่นขั้นสุดหันไปจะต่อยแมวมองทั้งเต้น ทั้งแดนซ์ แล้วอยู่ดีๆเข้าสู่สายธรรมะ

หยวน ถ้าเป็นเรื่องของการทำบุญ เป็นคนที่ชอบทำบุญอยู่แล้วตั้งแต่เด็กๆชอบทุ่มเทให้กับคนอื่นๆ (เรื่องที่เราขึ้นรถเมล์และต้องยืนตลอดไม่นั่ง) เพราะว่าคุณแม่ฝึกเรา ตอนนั้นเราเรียนที่อัสสัมชัญฝึกให้เรานั่งรถเมล์ เราก็กลับบ้านเองก็นั่งรถเมล์โหนรถเมล์กลับเราก็เห็นเก้าอี้รถเมล์โล่งเราก็ไม่นั่ง กระเป๋ารถเมล์เขาก็ถามเราว่าทำไมไม่นั่งเราก็บอกว่าเก้าอี้ที่ว่างเดี๋ยวก็มีคนมานั่งครับ (เขาก็งงกับคำตอบเรา)

batch 312 3

ถาม แต่สิ่งที่ทำให้เราเข้าไปสายธรรมะอย่างจริงจัง คือ การที่เราเข้าไปปฏิบัติธรรมทำให้ชีวิตเราเปลี่ยนไปยังไงบ้าง

หยวน คือ เราทำงานทางสายบันเทิงแล้วเวลาพี่ช่างหน้า ช่างผม เขาก็ชวนเราว่า หยวน ไปไหมไปปฏิบัติธรรม (เราก็ปฏิเสธว่าไม่ๆผมสายทำบุญพอแล้วครับ) แล้วเขาก็ชวนเราเรื่อยๆตอนนั้นพี่กิ๊ก มยุริญ ชวนเราตลอดจนเราไปก็ไป ที่เราไปตอนนั้นเพราะว่ามีเพื่อนไปครั้งแรก 8 วัน 7 คืนเลยปิดวาจา กินข้าว ถือศีลแปด วันที่เราถือศีลคือ เดินจงกลม นั่งสมาธิแบบนี้ทั้งวันทำไปเรื่อยๆ อยากจะบอกทุกคนว่าการปฏิบัติธรรมมันดีมากเลยนะครับ อยากจะนำมาบอกทุกคนว่าเมื่อเราปฏิบัติธรรมแล้วต้องเอามาใช้เพราะมันเกิดกับตัวผมทำให้เรารู้ตัวเราว่าทำไมเราชอบเสียสละให้คนอื่น ชอบช่วยคนอื่นแบบมากเกินไป จนคนสงสัยว่า หยวน มันเป็นอะไรทำไมมันต้องเป็นคนดีขนาดนี้ ทำไมมันต้องทำอะไรขนาดนี้ รักล้น ทุ่มเทล้น ซึ่งทุกวันนี้ก็เป็นแบบนี้ แต่สุดท้ายเพราะการปฏิบัติธรรมตอบโจทย์ในใจเราเหมือนลงไปเจอตอ ตอหนึ่งในใจของเรา หยวน ขาดความอบอุ่นจากครอบครัว พอเราไปเจอแล้วมันเหมือนระเบิดเลยทำให้เรารู้แล้วว่าทำไมเราเป็นคนแบบนี้ จากวันนั้น เราเติมใจตัวเองให้เต็มเลยเราไม่ต้องมีแฟนเพื่อให้ใครมาเติมความรักไม่ต้องให้คนโน้น คนนี้ มาทำอะไรให้เรา เราเติมเองให้ตัวเองก่อนเลย

ถาม แล้ว ตอ นี้ไปเจอได้ยังไง

หยวน การปฏิบัติธรรมช่วยได้ครับ คือ เราพยายามที่จะค้นหาเหตุผลไปเรื่อยๆครับ ถามกับตัวเองไปทีละข้อๆพอจิตของเรามีสมาธิมากเหมือนน้ำที่มันนิ่ง ทำให้เรานึกถึงตัวเองว่าทำไม หยวน ถึงยอมเจ็บขนาดนี้ ยอมให้เขาดูถูก ยอมให้เขาด่า ให้เขาทำทุกอย่างเลยตัวเองมีเงินอยู่เท่าไหร่ในกระเป๋าให้คนอื่นหมดเลยตัวเองไม่มีกินไม่เป็นไร คือ หยวน เป็นคนที่มีเงินในกระเป๋าไม่ได้เลยคือมีเท่าไหร่แจกหมด แต่พอเรารู้ว่าปัญหาเป็นเพราะอะไร เราก็อิ่มใจ เพราะหลายๆครั้งเราเฮิรตซ์ปัญหาจากเพื่อน แอบชอบคนโน้นคนนี้เราก็จะไม่ให้เขารู้ตัวเพราะเรากลัวจะเสียความรักแบบนี้ไป แล้วมีอยู่ครั้งหนึ่งมีเครื่องดื่มชูกำลังจ้างเรานำของไปให้น้องพิการซ้ำซ้อนเรานั่งอยู่คนเดียวบนเวที เห็นทุกสื่งทุกอย่างมันชัดเจนมากเลย เราเป็นคนที่แข็งแรงมากเลย แต่จิตใจของเราสอ่อนแอมากในทางตรงกันข้ามคนที่เขานั่งอยู่ข้างๆเรา ร่างกายเขาไม่ได้แข็งแรงเลยแต่จิตใจของพวกเขาแข็งแรงมาก เพราะฉะนั้น เราควรดูแลจิตใจของเราให้แข็งแรงเหมือนวันนั้นแทนที่เราไปให้กำลังใจเขา เขากลับมาให้กำลังใจเราทำให้มุมมองของโลกเรากว้างขึ้น ตื่นขึ้นมาตอนเช้าสิ่งแรกที่ทำคือ ทำบุญทุกวัน แต่เราไม่ค่อยโพสต์เราจะทำเฉพาะบุญที่ยิ่งใหญ่

ถาม โดยเฉพาะหลวงปู่ทวด เห็นบอกว่าเคยเจอเรื่องที่รู้สึกว่าจะเรียกว่าพิเศษจาก หลวงปู่ทวด

หยวน :  ไปบูชาหลวงปู่ทวดที่วัดช้างไห้มา ที่หยวนขับรถตอนนั้นค่อนข้างจะเร็ว 200 (เมื่อก่อนนะครับ) เป็นคนขับรถเร็วเราเจอรถติดปั๊บ ผมกดต่อแล้วไปถึงตรงเมืองทองพอดีอยู่เลนซ้ายสุดพอโค้งมาเราเจอรถสิบล้อ ตอนนั้นเราขับรถไปด้วยสวดมนต์ไปด้วยจิตเรานิ่งๆเลย แต่จังหวะที่เราตบออกมีรถโตโยต้าขับมาอยู่ข้างๆถ้าเราเลี้ยวออกไปคืออัดแน่นอน แต่ตอนนั้นจิตเรานิ่งมาก พอนิ่งมากคือ เห็นทุกอย่างหมดเลยสิบล้อมีขนอะไรบ้าง ตอนนั้นคิดอยู่แล้วว่าชนแน่ๆ แต่พอเรากระพริบตาแล้วหันมาดูด้านข้างรถโตโยต้าหายไปอยู่ด้านหลัง สิบล้อไปอยู่ด้านซ้ายรถเราเหมือนหายมาอยู่ข้างหน้าได้ เราก็คิดตอนนั้นว่าเราหายมาได้ยังไงในรถตอนนั้นมองไปข้างหน้ามีอยุ่อย่างเดียวเลย หลวงปู่ทวด กราบหลวงปู่เลย แต่ครั้งนั้นก็ทำให้เราขับรถไม่รีบอีกต่อไปเลย

หยวน สิ่งหนึ่งที่ หยวน อยากจะบอกเลยนะครับ อย่าตัดสินใครด้วยบรรทัดฐานของเราผมรู้สึกว่าเปิดโอกาสให้ทุกคนมีอิสระทางความคิดให้ทุกคนได้ทำอะไรอย่างเต็มที่ อยากให้ทุกคนเป็นตัวของตัวเองอย่างเต็มที่เพราะ หยวน รู้สึกว่าความสวยงามของชีวิต คือ การที่เราได้เรียนรู้ถึงความแตกต่างและสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ รักยังไงคือรักให้เป็น รักให้เป็นคือรักที่ไม่เห็นแก่ตัว รู้จักรักตัวเอง ถ้าเรารักตัวเองเป็นสิ่งเหล่านี้เราสามารถเอาไปใช้ดูแลคนอื่นได้อีกด้วย

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo