COVID-19

ระดับความเสี่ยง ใกล้ผู้ป่วยโควิด ‘คนในครอบครัว ยืนคุยกัน จาม ในรถตู้’

ระดับความเสี่ยง ใกล้ผู้ป่วยโควิด สธ. เผย คู่สมรส มีเสี่ยงสูงติดเชื้อ 40-50% ย้ำวิธีป้องกันตัวเอง ต้องสวมหน้ากากอนามัย หลีกเลี่ยงที่สาธารณะ

นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดี กรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า ความเสี่ยงของการติดเชื้อ โควิด-19 ขึ้นอยู่กับการสัมผัสใกล้ชิด ในสถานที่ และเวลาเดียวกันกับผู้ป่วย โดยไม่สวมหน้ากากอนามัย ซึ่ง ระดับความเสี่ยง ใกล้ผู้ป่วยโควิด มีดังนี้

cell virus สถานกักกันโควิด ๒๐๑๒๑๐

ทั้งนี้ กรณีมีความเสี่ยงสูงสุด ได้แก่ คนในครอบครัว อยู่บ้านเดียวกัน โดยคู่สมรส มีโอกาสติดเชื้อ 40-50%, บุตรมีโอกาสติดเชื้อ 10–20% รวมถึงกรณี ผู้ที่ยืนพูดคุยกับผู้ป่วยระยะ 1 เมตรเกิน 5 นาที, ถูกผู้ป่วยจามใส่ และผู้ที่อยู่ในที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวกอากาศ เช่นในรถตู้ หรือห้องที่ปิดทึบเกิน 5 นาที ก็มีโอกาสติดเชื้อเช่นกัน

ดังนั้น มาตรการที่ดีที่สุด ที่ประชาชนต้องช่วยกัน คือ การป้องกันตัวเอง ใส่หน้ากากอนามัย หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่สาธารณะให้มากที่สุด

สำหรับกรณีผู้ปกครองพบผู้สัมผัสเสี่ยงสูง และมีการปิดโรงเรียนนั้น ขอชี้แจงว่า การพบกับผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ถือว่าไม่มีความเสี่ยง จึงไม่จำเป็นต้องปิดโรงเรียน กรณีที่จะปิดโรงเรียน หรือสถานที่ต่าง ๆ จะปิดก็ต่อเมื่อ พบผู้ติดเชื้อเท่านั้น และเป็นการปิดเพื่อทำความสะอาดเท่านั้น

ทวีศิลป์
นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน

ด้าน นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โรค โควิด-19 (ศบค.) กล่าวว่า สถานการณ์โรคโควิด 19 ในประเทศไทย วันนี้มีผู้ป่วยรายใหม่ 18 ราย เดินทางมาจากต่างประเทศ และเข้ากักตัวในสถานกักกันทุกประเภท 17 ราย และพบผู้ติดเชื้อในประเทศ 1 ราย เป็นกลุ่มเสี่ยงสูงของผู้ป่วยยืนยัน

นอกจากนี้ มีผู้ป่วยรักษาหายกลับบ้านเพิ่ม 8 ราย ผู้ป่วยสะสม 4,169 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 2,462 ราย มาจากต่างประเทศ 1,707 ราย เข้าสถานที่กักกันรวม 1,181 ราย มีผู้ป่วยรักษาหายกลับบ้านแล้ว 3,888 ราย เสียชีวิต 60 ราย ยังคงรักษาในโรงพยาบาล 221 ราย

ขณะที่การนำคนไทยตกค้าง กลับเข้าประเทศ วันที่ 10 ธันวาคม จำนวน 846 ราย วันที่ 11 ธันวาคม 710 ราย จนถึงปัจจุบันมีผู้เดินทางเข้าประเทศ เข้ารับการกักตัวในสถานที่กักกันของรัฐ รวม 172,952 ราย ตรวจพบติดเชื้อ 1,181 ราย

โควิด 1

 

ส่วนกรณีการติดเชื้อในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ ขณะนี้ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ สมาคมโรงพยาบาลเอกชน และโรงแรมที่ร่วมโครงการ ได้มีการหารือและนำไปเป็นบทเรียน เรียนรู้ร่วมกันเพื่อพัฒนางานให้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะการปฏิบัติตามมาตรฐานการป้องกันส่วนบุคคล ทั้งขณะดูแลผู้ป่วย และเมื่อออกจากสถานที่ปฏิบัติงานอย่างเคร่งครัด

นอกจากนี้ ขอความร่วมมือ อย่าแชร์ต่อข่าวลือตามโซเชียลมีเดีย ทั้งคลิปเสียง และข้อความต่าง ๆ ที่ไม่มีแหล่งที่มา เช่น เชิญชวนให้กักตุนหน้ากากอนามัย การกักกันตัว 14 วันในพื้นที่ที่มีการระบาด ขอให้รับฟังข้อมูลจาก ศบค. และกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งจะแถลงข่าวทุกวัน เวลา 11.30 น.

“ขอให้ประชาชน “ตื่นตัว อย่าตื่นตูม ตระหนัก อย่าตระหนก” ตื่นตัวและตระหนักในการป้องกันตัวเอง โดยเฉพาะการใช้หน้ากากผ้า/หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกจากบ้าน เพื่อให้สถานการณ์กลับมาสู่การควบคุม”นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าว

สธ. 2

นายแพทย์โอภาส กล่าวต่อว่า สำหรับจังหวัดเชียงราย ซึ่งมีผู้อยู่ในสถานกักกันโรคจำนวนมาก วันนี้อาจจะมีรายงานเพิ่มเติมอีก 3 รายในสถานกักกันโรค ทางจังหวัดเชียงรายจะแถลงข่าวต่อไป ส่วนจังหวัดอื่น ๆ เช่น เชียงใหม่ พะเยา กรุงเทพ พิจิตร ราชบุรี สิงห์บุรี เมื่อไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มครบ 14 วันก็จะถือว่าเข้าสู่ภาวะปกติ

ในส่วนของข้อกังวล เรื่องผู้ติดเชื้อ โควิด-19 มีประวัติเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะนั้น ขอให้อย่าตระหนก เนื่องจากวันที่ผู้ติดเชื้อไปใช้บริการ ยังไม่มีอาการป่วย และสวมหน้ากากตลอดเวลา ถือว่ามีความเสี่ยงต่ำมาก

อย่างไรก็ตาม หากสงสัยว่าอยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าว สามารถรายงานตัวหรือรับคำปรึกษาได้ที่โรงพยาบาลและหน่วยงานสาธารณสุขใกล้บ้านได้ หรือโทรสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 และขอให้ยังคงสวมหน้ากาก เว้นระยะห่างและล้างมือบ่อยๆ ต่อจนครบ 14 วัน

แต่หากมีอาการทางเดินหายใจ ไข้ ไอ เจ็บคอ น้ำมูก จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส สามารถเข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาลใกล้บ้านได้ทันที

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo