หมอธีระวัฒน์” แจงทุกข้อสงสัยเรื่อง “โควิด” ผ่านรายการ “โหนกระแส” ลั่นโควิดพัฒนาสายพันธุ์ ดุร้าย รุนแรง นกเขาไม่ขัน ไข่ฝ่อ ด้าน “ผู้ประกอบการเชียงราย” จ่อฟ้อง 20 ล้าน
รายการโหนกระแสวันที่ 10 ธันวาคม 2563 ซึ่งมี “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” เป็นผู้ดำเนินรายการ เกาะติดสถานการณ์โควิด-19 ได้สัมภาษณ์ “บดินทร์ภัทร์ นอนเนินนนท์” หรือ “ต้น” ผู้ประกอบการในจังหวัดเชียงราย ที่ประกาศจะฟ้องคนลักลอบเข้าเมืองไทยและนำโควิดมาแพร่กระจาย พร้อมด้วย “ศาตราจารย์ นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา” หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
คุณต้นทำอะไรอยู่เชียงราย?
บดินทร์ภัทร์ : ประกอบอาชีพผู้ประกอบการโรงแรม อพาร์ทเมนต์ ที่จ.เชียงราย
มีทั้งหมดกี่ห้อง?
บดินทร์ภัทร์ : 125 ห้อง
ตอนนี้เป็นยังไง?
บดินทร์ภัทร์ : พูดได้ว่าศูนย์เปอร์เซ็นต์ ถ้าจาก 125 เหลือแค่ห้องสองห้องก็ตีว่าศูนย์เปอร์เซ็นต์เลยดีกว่า
คุณถึงขั้นอัดคลิปแชร์ในเฟซบุ๊ก ถึงขั้นร้องไห้ มันอัดอั้นตันใจยังไง?
บดินทร์ภัทร์ : ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติเราเข้าใจได้ ไม่ได้โลกสวย ทั่วโลกเป็น แต่เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเฉพาะภาคเหนือ โดยเฉพาะเชียงใหม่เชียงราย เชียงรายอาจหนักหน่อย วันแรกที่มีข่าวกระพือคนติดโควิด มีคณะทัวร์ที่เขาจองไว้วันที่ 5-7 ธ.ค เขาโทรมาแคนเซิลทันที เขาให้เหตุผลว่าในคณะทัวร์นั้นมีผู้ใหญ่กับเด็ก ผู้ใหญ่ไม่เท่าไหร่ แต่เด็กที่มาเที่ยวที่เชียงราย ถ้ากลับไปอย่ามาโรงเรียนเด็ดขาด
ผู้ประกอบการคนอื่นๆ ที่พักอื่นๆ ร้าง?
บดินทร์ภัทร์ : เรียกว่าลดหลั่นกันตามสเต็ปดีกว่า โรงแรมใหญ่เขาอาจกระทบมากหน่อย โรงแรมเล็กๆ กลางๆ ก็กระทบทอดๆ กันมา
จาก 100 เปอร์เซ็นต์เหลือกี่เปอร์เซ็นต์?
บดินทร์ภัทร์ : 20 เปอร์เซ็นต์ หายไป 80 เปอร์เซ็นต์
ก่อนหน้ามีข่าวคนข้ามมาจากท่าขี้เหล็ก มีกี่เปอร์เซ็นต์?
บดินทร์ภัทร์ : 60 เปอร์เซ็นต์ คือกำลังดี ตอนนี้ลดฮวบเหลือ 20 เปอร์เซ็นต์
ล่าสุดมีข่าวลือยิ่งหนัก?
บดินทร์ภัทร์ : ก็อยากให้เป็นกระบอกเสียงแทนคนเชียงราย วันนี้ที่ 10 ธันวาคม ทางเชียงรายมีบิ๊กคลีนนิ่ง ทั้งภาครัฐและเอกชนทุกๆ หน่วยงานจะมีการทำความสะอาดครั้งใหญ่เพื่อสร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวกลับมาเที่ยว และอีกอย่างได้ยินข่าวมาว่าบางบริษัท บางหน่วยงาน เขาออกมากฎมาว่าถ้าช่วงนี้ใครไปเชียงราย หรือเชียงใหม่ กลับมาแล้วต้องกักตัว
จริงมั้ย?
นพ. ธีระวัฒน์ : ได้ทราบข่าวมาเหมือนกัน เป็นคนไข้เขียนมาถามว่า ถ้าไปต้องถูกกลับตัวหลังกลับมากรุงเทพฯ แล้ว ตอนนี้เราใช้ความกลัวเป็นตัวนำ โดยไม่ดูข้อเท็จจริง ว่ามาตรการของประเทศไทยเราเข้มแข็งขนาดระดับไหน มาตรการเข้มแข็งคือผู้ประกอบการเองมีวินัย รู้ว่าต้องปฏิบัติอย่างไร ทางการในพื้นที่เองมีความพร้อมตรวจจับ เมื่อวินิจฉัยได้แล้วก็สามารถเชิงรุกต่อ ตามตัวผู้สัมผัสได้ และไม่ให้มีการแพร่กระจาย ขณะนี้ถ้าเรากลัวเช่นนั้น เราพูดถึงครอบครัวคนไทย แม้แต่ครอบครัวผู้ป่วย เรามีคุณพ่อคุณแม่ที่ป่วย ลูกๆ ต้แงทำงาน ขณะเดียวกันต้องรักษาพยาบาลพ่อแม่ ผลกระทบมากมายมหาศาล ถ้าไม่พูดความจริง
ไปเชียงรายเชียงใหม่ต้องกักตัวมั้ย?
นพ. ธีระวัฒน์ : ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งว่าต้องกักตัว
เห็นว่ามีการรวมตัวกันของผู้ประกอบการเชียงรายจะฟ้องผู้ที่ข้ามมาแบบผิดกฎหมายและเอาโควิดเข้ามา จริงหรือเปล่า?
บดินทร์ภัทร์ : ที่เราจะฟ้องมูลค่า 20 ล้านเป็นมูลค่าความเสียหายที่ผู้ประกอบการส่วนมากได้รับตอนนี้ แต่เราจะฟ้องเขาเท่าไหร่ต้องไปว่ากันอีกที ต่อเมื่อเรารวบรวมพยานหลักฐานทุกอย่างแล้วว่า มูลค่าความเสียหายที่แท้จริงระดับไหน แต่พูดแทนว่าเราไม่ได้อยากจะฟ้องเพื่อเรียกร้องเงินหรอกครับ เพราะเรารู้อยู่แล้วว่ายังไงซะ คนเข้ามาแบบผิดกฎหมายเขาไม่สามารถชำระเงินตรงนี้ได้ แต่เหตุผลที่เราจะฟ้องเพื่อให้เป็นบรรทัดฐานว่าคนที่จะเข้ามากลุ่มใหม่ ฉุกคิดนิดนึงนะ ไม่ใช่ว่าเข้ามาได้ง่ายๆ เหมือนเมื่อก่อน คนเข้ามาเมื่อก่อนถ้าไม่ผิดก็โชคดีไป แต่ตอนนี้ถ้าเข้ามาแล้วติดมีชะนักแน่นอน ก็ฟ้องแน่นอน
นอกจากเป็นโควิดแล้วจะถูกฟ้องด้วย เพราะมาผิดกฎหมายแล้วเอาเชื้อไปแพร่ด้วย โดนแน่ๆ แต่จะ 20 ล้านหรือเปล่าค่อยว่ากัน?
บดินทร์ภัทร์ : รวบรวมพยานหลักฐานจะได้ทีเดียว แต่ยังไงก็ฟ้อง 100 เปอร์เซ็นต์ คนที่ข้ามมาแบบผิดกฎหมาย และติด ตอนนี้รักษาตัวอยู่ก็โดนแน่นอน คนที่จะข้ามมาก็เอาด้วย อย่างน้อยคุณต้องฉุกคิดก่อนนะถ้าจะข้ามมา
โควิดมีการพัฒนาสายพันธุ์จริงมั้ย ตอนนี้มี 8 สายพันธุ์ แอล โอ เอส วี จี จีอาร์ จีเอส และจีวี จริงมั้ย?
นพ. ธีระวัฒน์ : จริงๆ อันนี้อยากนำเรียนให้ทราบ ไวรัสตัวนี้เมื่อเข้าร่างกายมนุษย์แล้ว ถ้าไม่สามารถยับยั้ง หรือ กดดันเขาจะเริ่มมีการผันแปรหน้าตาไปเรื่อยๆ ฉะนั้นเวลาเขาเข้าเราออกจากเราหน้าตาจะเริ่มผิดเพี้ยน ถ้าปล่อยให้มีการระบาดกระจัดกระจายทั่วไป ตรงนี้จะเปิดโอกาสให้ไวรัสอัปเกรดตัวเอง หน้าตาเพี้ยนไปจากเดิม และเริ่มมีรหัสประจำตัว ลายเซ็นประจำตัวออกมา แต่ต้องนำเรียนให้ทราบ ประเทศไทยมีชื่อต่างๆ เหล่านี้ ตั้งแต่เดือนมีนาคม ฉะนั้นถ้าคิดว่าสายพันธุ์เหล่านี้จะต้องรุนแรงมากกว่าธรรมดานั้นอาจจะไม่เป็นความจริง ถ้าเป็นเช่นนั้นเดือน มีนาคม, เมษายน, พฤษภาคม ทำไมเราเอาอยู่ ไม่ใช่เรื่องความหมายสายพันธุ์อย่างเดียว มีสมมติฐานอะไรซับซ้อน เป็นการสร้างแบบจำลองขึ้นว่าไวรัสจะมีอันตรายมากกว่าหรือไม่
มีเผ่าพันธุ์ดุร้ายมั้ย?
นพ.ธีระวัฒน์ : เราไม่สามารถบอกได้จากตัวไวรัสอย่างเดียว แต่หลังติดเชื้อแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ตรงนี้เองต้องมีปัจจัยตัวคนติดเชื้อไปด้วย และมีปัจจัยเรื่องการได้รับการรักษาในเวลาพอเหมาะ ทันท่วงทีหรือเปล่า”
ข้ามสายพันธุ์ จากคนไปสัตว์ จากสัตว์ไปคน?
หมอธีระวัฒน์ : ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ เราทราบดีมากจากค้างคาว ค้างคาว สัตว์บก แล้วมาที่ตน ตอนนี้คนก็ส่งผ่านกลับไปที่สัตว์ ได้แก่ หมา แมว ตัวมิ้งค์ ตอนนี้มีการคาดคะเนว่าจะไปที่สัตว์อะไรบ้าง พิสูจน์แล้วเรียบร้อย ไม่ว่าจะโดยธรรมชาติหรือการทดลองก็ตามว่ามันสามารถไปที่้สัตว์อื่นๆ ได้ ทีนี้เวลาเข้าไปสัตว์อื่นๆ การเข้าไปต้องปรับตัวใหม่ ตัวที่จะออกมาจากหมาแมวมิ้งค์ จะเพี้ยนไปจากของเดิม ที่เราจับตามองขณะนี้ ไม่ได้จับตาดูเฉพาะโควิด-19 จากคน เรากำลังจับตาดูโควิด-19 หมาบวกคน แมวบวกหมา มิ้งค์บวกคน เราไม่ได้ดูแค่ปัจจุบันกับอดีตอย่างเดียว เรากำลังดูไปข้างหน้าว่าเราอาจจะเจอกับอะไร
ที่บอกสายพันธุ์อู่ฮั่น กับเมียนมาไม่เหมือนกัน เมียนมาอยู่ในประเทศไทย จริงมั้ย?
หมอธีระวัฒน์ : “สายพันธุ์ที่อยู่ในเมียนมาคือสายพันธุจี และผ่าเหล่าผ่ากอ เรามีตั้งแต่เดือนมีนาคม ตัวจีวีก็มีตั้งแต่ตุลาคม ด้วยซ้่ำ แต่อยากเรียนให้ทราบว่ามาตรการของทางการ ควบคุมติดตามพร้อมมูล เรียบร้อย ที่สำคัญคือระดับชุมชนให้ความร่วมมือดีมาก อย่างอสม. หรืออาสาสมัครก็เข้มแข็งอยู่ แต่ปล่อยให้เป็นภาระน้องๆ อสม. เจ้าหน้าที่สาธารณสุขไม่ได้ ประชาชนต้องช่วยกัน ถ้าถามว่าจะเกิดอะไรรุนแรงแค่ไหนต้องถามตัวเอง ว่าเรามีวินัย และรับผิดชอบแค่ไหน ณ สถานการณ์ขณะนี้ เดี๋ยวนี้ ไม่ว่าติดในบุคลากรทางการแพทย์ก็เป็นเรื่องที่รับได้”
บุคลากรทางการแพทย์ 6 คนมีความผิดพลาดจริงๆ?
นพ. ธีระวัฒน์ : เวลาดูคนไข้ ไวรัสมองไม่เห็น แม้น้องๆ จะป้องกันตัวค่อนข้างดีตามมาตรกฐานอย่างไรก็ตาม โอกาสพลาดพลั้งเสียทีก็มี ก็เข้าใจว่าน้องๆ ที่ไปตรวจคนไข้ไม่มีใครอยากติดเชื้อ แต่ความผิดพลาดมีได้ และผิดพลาดได้เป็นครั้งคราว โดยเราไม่อยากให้เกิด ตอนนี้ก็มีมาตรการทบทวน มาตรการป้องกันตัวไม่ให้เกิดการแพร่ติดในคนที่ทำงานอยู่ใกล้ชิดกัน
ถ้าคนติดโควิดมา หายแล้ว ต่อไปนกเขาจะไม่ขัน ?
นพ.ธีระวัฒน์ : นกเขาไม่ขันด้วย ในผู้หญิงไข่เริ่มฝ่อด้วย
การมีลูกจะยากขึ้น?
นพ. ธีระวัฒน์ : เป็นเรื่องปกติแล้ว ใครติดเชื้อแล้วรอดชีวิต จะเข้าไปเริ่มทำลายอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย ทุกระบบในร่างกาย การที่เรารีบรักษาทัน ยังยั้งไวรัสตั้งแต่ตอนต้น สองเมื่อไวรัสเข้าไปในตัว มันไปท้ารบ แทนที่ร่างกายจะเอาหนังสติ๊กยิงไวรัส มันกลับเอาปืนใหญ่ไปยิงไวรัส ไวรัสยังไม่ตาย แต่ร่างกายเราพังเพราะปืนใหญ่เราเอง การแพทย์ประเทศไทยเราที่ผ่านมา เรารู้ว่าช่วงไหนเหมาะสมให้ยาต้านไวรัส ช่วงเวลาไหนเหมาะสมให้ยาต้านอักเสบ ไม่เหมือนยุโรป สหรัฐอเมริกา ที่ปล่อยให้จวนเจียนร่อแร่แล้วรักษาแต่ไม่ทัน นั่นเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมต่างประเทศเยอะแยะที่เสียชีวิตวันละเป็นพันเป็นหมื่น”
สมมติผมกลับมาจากต่างประเทศ ผมเข้ากักตัว 14 วันที่โรงแรม จะมีบุคลากรทางการแพทย์มาเจอและตรวจผม กวาดคอ จมูก เอาตรงนี้ไปตรวจ พยาบาลที่ติดคือกลุ่มคนนี้ที่มาใช่มั้ย เขาไม่ได้ใส่หน้ากากเหรอ?
นพ. ธีระวัฒน์ : ใส่แน่ๆ อย่างที่บอกไวรัสมองไม่เห็น เวลาแหย่จมูก มันมีละอองกระเด็นออกมาขณะแหย่ในรูจมูก ลำคอ อยากจะเรียนเสนอผ่านคุณหนุ่ม ว่า ณ ขณะนี้เรามีวิธีการตรวจคัดกรองง่ายที่สุด และไม่เพิ่มความเสี่ยงให้บุคลากรเลย คือ การเจาะเลือดปลายนิ้ว เป็นการตรวจคัดกรองที่ไม่หลุด มีความไว 100 เปอร์เซ็นต์ ถ้าเอาไปใช้ที่ชายแดนที่คนทะลักเข้ามาเป็นร้อยเป็นพันเป็นหมื่น สามารถใช้ตรงนี้ ประหยัด ราคาถูก รวดเร็ว 2 นาที และร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ในความเป็นร้อยตรงนี้อาจจะร้อยกว่า ร้อยคนอาจมีบวกไป 3 คนเราไม่ว่า หลังจากนั้นก็มีการตรวจว่าบวกจริงหรือบวกปลอม แล้วถามตัวเองว่าคุณปล่อยเชื้่อได้หรือเปล่า เป็นการลด ไม่ต้องแยงทุกคน”
ตอนนี้ยังไม่เข้าข่ายระลอกสอง?
นพ. ธีระวัฒน์ : ยังไม่เข้า ยังไม่ใช่
ตอนพักเบรก คุณถามว่าให้ผมไปเชียงใหม่ผมไปมั้ย ผมก็ไป ไม่ติดอะไร ทำไมถามแบบนั้น?
บดินทร์ภัทร์ : ตอนนี้คนเขากลัว เมื่อวานซืนท่านผู้ว่าพูดมาคำนึงว่า คนเชียงรายไม่ใช่ซอมบี้ ไม่ใช่ว่าคุณมาจังหวัดเชียงรายแล้วจะติด มันไม่ใช่ ถ้าพี่หนุ่มจะขึ้นไปเที่ยวตอนนี้ ไม่กลัวแต่ต้องป้องกัน ตอนนี้คนเชียงรายใช้ชีวิตปกติ ใส่แมสก์ หรือสแกนอุณหภูมิก่อนเข้าห้าง ร้านสะดวกซื้อมานานแล้ว
ตอนนี้พิจิตร สิงห์บุรี คนกลัวหมดเลย อาจารย์ยืนยนว่าเช็กต้นตอได้ วางใจได้แต่ไม่ใช่ประมาท?
นพ. ธีระวัฒน์ : ถ้าเราร่วมมือร่วมใจกันเหมือนตอนครึ่งปีแรก ทุกคนมีวินัยครบถ้วน และต้องเคารพน้องๆ ในทางสาธารณสุข หน่วยเคลื่อนที่เร็วที่จะติดตามผู้สัมผัสต่างๆ น้องๆ เหล่านี้ทำงานมาเป็นสิบปี มีระบบมาตรฐานรองรับ เราผ่านเรื่องอีโบล่า ซาร์ส ต่างๆ มาพร้อมมูล ขณะเดียวกันความเชื่อมโยงหมู่บ้านตำบล น้องๆ พวกนี้ทำงานอย่างหามรุ่งหามค่ำ ต้องเคารพน้องๆ ที่ทำงานเพื่อคนไทยทั้งประเทศเลย และทางการที่ไม่ใช่กระทรวงสาธารณสุขอย่างเดียว กระทรวงการท่องเที่ยว มหาดไทย หรือกลาโหมต่างๆ ที่พูดไม่ได้เอาใจรัฐบาล แต่อยากเรียนให้ทราบว่าตอนนี้โครสร้างของทางการในการป้องกัน ตอบโต้โรคระบาดเราทำได้พร้อมมูล
ขอบคุณรายการ โหนกระแส
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- เปิดไทม์ไลน์ พยาบาลติดโควิดคนล่าสุด กทม. พบกินข้าวกับผู้ป่วยรายแรก
- ‘หมอตี๋’ ยันเชียงใหม่ปลอดภัย คุมโควิดได้ จัดยา-เวชภัณฑ์พร้อม!
- เตือน! แรงงานไทยไปไต้หวัน ไม่ปฏิบัติตามกฎป้องโควิด เจอปรับหนัก