‘อนุทิน’ยันศบค.ต่อพรก.ฉุกเฉิน เหตุต้องการคุมโควิด-19 ห่วงผู้ชุมนุมปะทะ-วอนสวมแมสก์ ยันรอฟัง ศบค. รายงานขอลดกักตัว 14 เป็น 10 วัน
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์กรณีศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค.ชุดใหญ่ จะพิจารณาขยายเวลาต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉินไปอีก 45 วัน
แต่ยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ เป็นการทำเพื่อปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุม ว่า ไม่มีคำว่าปราบปรามรัฐบาลไม่เคยคิดที่จะปราบปรามคนไทยด้วยกันเอง ดังนั้นเป็นไปไม่ได้ เราพยายามรักษากฎหมาย เคารพกฎหมาย ด้วยกันทุกฝ่ายเพื่อผ่านไปให้ได้รวมไปถึงรัฐธรรมนูญเราก็พร้อมที่จะแก้ไข แล้วเราฟังเสียงประชาชนตลอดเวลาอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถาม ถึงกรณีเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมที่หน้ารัฐสภา นายอนุทิน กล่าวว่า ตนมีความเป็นห่วงอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามขออย่าลืมใส่หน้ากากอนามัยกันทุกๆคนในขณะที่มาชุมนุม และพยายามชุมนุมกันด้วยความสงบให้ได้มากที่สุด ก็เข้าใจแต่ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อยู่แล้ว
ขณะเดียวกัน นายอนุทิน กล่าวถึงกรณีที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค.ชุดใหญ่ จะพิจารณาเรื่องการขอลดวันกักตัวจาก 14 วันเหลือ 10 วันว่า ที่ประชุมจะหารือในวันนี้(18พ.ย.) กระทรวงสาธารณสุขก็จะอธิบายโดยยืนยันว่า ทุกอย่างจะต้องนึกถึงความสะดวก และความปลอดภัยของประชาชน ทุกอย่างในชีวิตในทุกมิติแล้ว เพื่อหาจุดสมดุลกัน โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ
เมื่อถามถึงกรณีที่ศบค.ชุดเล็ก เสนอขอขยายเวลาการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกไปอีก 45 วัน นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องนี้ตนยังไม่ได้รับทราบรายละเอียดซึ่งศบค.ใหญ่จะต้องรับฟังการเสนอของเลขาฯ สมช.และคณะทำงาน ที่ได้ประชุมกันกองกันมาก่อนซึ่งศบค.ใหญ่ก็ต้องมานั่งพิจารณากัน ขอรับฟังในที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่ก่อน ที่ผ่านมาพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทำให้การควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 นั้นทำได้ดี ไม่ได้กระทบกระเทือนต่อวิถีชีวิตประจำวัน ซึ่งพ.ร.ก.ฉุกเฉินที่ประกาศมาตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคม เมษายน 2563 จนถึงปัจจุบัน เน้นเรื่องการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ไม่ได้ไปคุกคามในสิทธิเสรีภาพ หรือการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชน และผลก็ออกมาเห็นได้ชัดว่า สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้มากน้อยเพียงใด
ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้าน เป็นพื้นที่แดงรวมถึงประเทศแถบยุโรป ก็ติดตัวเลขถึงล้านและมีเสียชีวิตถึงแสนแล้ว ดังนั้นอย่าประมาทดีที่สุด
