“นายกรัฐมนตรี” ต่อสายตรงหารือทวิภาคีกับ “ออง ซาน ซูจี” อวยพรให้เมียนมาจัดการการเลือกตั้งทั่วไปได้อย่างสันติ ราบรื่น พร้อมร่วมมือฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิดคลี่คลาย
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้หารือทางโทรศัพท์กับ นางออง ซาน ซู จี ที่ปรึกษาแห่งรัฐสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เพื่อเป็นโอกาสในการสานต่อ และกระชับความสัมพันธ์ระดับผู้นำไทย และสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา
โดย นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้กล่าวสรุปสาระสำคัญการหารือ ดังนี้
นายกรัฐมนตรี ยินดีที่ได้หารือกันผ่านทางโทรศัพท์ในวันนี้ เป็นการยืนยันความสัมพันธ์ระหว่างกันที่แม้จะไม่ได้พบกันแต่ก็สามารถติดต่อกันผ่านช่องทางต่างๆ ได้ ทั้งแบบทวิภาคีในทุกระดับ ระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อยังคงพลวัตการติดต่อกัน และประชุมหารือแบบพหุภาคี ผ่านระบบการประชุมทางไกล เพื่อส่งเสริมต่อยอดผลประโยชน์ร่วมกัน
นายกรัฐมนตรี ได้ชื่นชมพัฒนาการด้านประชาธิปไตยของเมียนมา ชาวเมียนมาในไทย ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งที่สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่เมียนมาในประเทศไทยจำนวนมาก นายกรัฐมนตรี เชื่อมั่นว่า รัฐบาลเมียนมาจะสามารถจัดการการเลือกตั้งทั่วไปที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2563 นี้ได้อย่างสันติ ราบรื่น และไทยยืนยันความพร้อมที่จะสานต่อความริเริ่ม ร่วมมือในทุกมิติกับเมียนมาต่อไป
โดยที่ปรึกษาแห่งรัฐสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ขอบคุณสำหรับคำอวยพร และขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่จัดการหารือผ่านโทรศัพท์ครั้งนี้ ชื่นชมความสัมพันธ์ระหว่างกันที่มีมาอย่างยาวนานและราบรื่น ไทยและเมียนมาถือเป็นประเทศที่ผูกพัน มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดในทุกระดับ
“ขอบคุณรัฐบาลไทยที่ให้ความช่วยเหลือด้านการสาธารณสุขกับเมียนมาเพื่อต่อสู้กับวิกฤต COVID-19 ทั้งในรูปของเงินบริจาค ยารักษาโรค อุปกรณ์ทางการแพทย์ และของอุปโภคบริโภค พร้อมกันนี้ เมียนมาขอบคุณรัฐบาลไทยที่ดูแลแรงงานเมียนมาในไทยเป็นอย่างดี และหวังว่าจะได้พบนายกรัฐมนตรีอีกครั้งภายหลังสถานการณ์คลี่คลาย” นางออง ซาน ซู จี ระบุ
ทั้งนี้ รัฐบาลไทย ได้ติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ในเมียนมาและตามแนวชายแดนด้วยความเป็นห่วง เชื่อมั่นและให้กำลังใจเมียนมาในการรับมือกับความท้าทายครั้งนี้ ทั้งนี้ ไทยพร้อมให้ความรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมในส่วนที่รัฐบาลไทยมีศักยภาพตามที่เมียนมาต้องการ โดยทั้งสองฝ่ายยินดีที่จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมมือหารือกันในรายละเอียดต่อไป
นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ไทยจะคุ้มครองดูแลแรงงานเมียนมาในประเทศไทยเสมือนที่ดูแลแรงงานไทย ทั้งนี้ ในช่วงที่ยังมีข้อจำกัดการเดินทางระหว่างกัน รัฐบาลไทยได้ออกมาตรการผ่อนผันให้แรงงานเมียนมาที่อยู่ในไทยอยู่แล้วให้สามารถพำนักและทำงานได้ต่อเพื่ออำนวยความสะดวกให้เป็นไปตามความต้องการของแรงงานเมียนมา ผู้ประกอบการไทย และแรงงานเมียนมามีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย ในส่วนของศูนย์จัดเก็บข้อมูลแรงงานเมียนมาชั่วคราวนั้น ทั้งสองฝ่ายยินดีร่วมพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ทั้งสองฝ่ายยืนยันที่จะร่วมมือกันฟื้นฟูเศรษฐกิจภายหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย นายกรัฐมนตรี เห็นว่า ยังมีโอกาสของความร่วมมือระหว่างกันอีกมาก ตามแนวชายแดน เพื่อพัฒนาการค้าการลงทุนระหว่างกัน พร้อมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หารือกันเพื่อขยายความร่วมมือ โดยที่ปรึกษาแห่งรัฐสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาประสงค์ให้ดำเนินความร่วมมือระหว่างกันต่อไป เศรษฐกิจจะต้องไม่หยุดชะงักแม้จะประสบกับสถานการณ์โควิด-19
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ขีดเส้นตาย ‘ต่างด้าว’ ต้องขออนุญาตทำงาน ทำบัตรให้เสร็จภายใน 30 พ.ย.นี้
- ไม่หวั่นทัวร์ลง! ‘พุทธิพงษ์’ ยันปิด Pornhub ทำถูกต้องแล้ว
- ‘หญิงหน่อย’ แนะออก ‘พ.ร.ก.ตั้งกก.สมานฉันท์’ ป้องกันรัฐบาลซื้อเวลา