อดีตผู้เข้าประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2020 “เฌอเอม ชญาธนุส ศรทัตต์” มาพร้อม “เคน สิทธิชัย เร็ววิโรจน์” ผู้จัดการส่วนตัว เปิดใจในรายการ “ถามสุดซอย” ที่มี “เอิ๊ก พรหมพร ยูวะเวส” เป็นผู้ดำเนินรายการ หลังถูกกล่าวหาว่าเคนเอาความลับในกองประกวดมาเปิดเผยกับเธอ จนถูกกองประกวดตัดสิทธิ์ ซึ่งวันนี้เธอมองว่าไม่แฟร์แต่สบายใจแล้ว
เข้ามาประกวดได้ไง?
เฌอเอม : “จริงๆ เป็นนางแบบมาก่อนค่ะ แล้วปีนี้มีโควิด เลยคิดว่ายังมีอะไรที่เราอยากทำอีก เราเลยลองมาทำมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ดูค่ะ”
ตอนมาประกวด มีใครแนะนำ หรือใครพามา?
เฌอเอม : “จริงๆ มีเพื่อนอีกคนที่เขาชวนมาประกวด และตั้งใจจะส่งเราด้วย คือคุยกันแล้ว เรียบร้อย ว่ามีแผนส่งอะไรยังไงบ้าง สุดท้ายก็แยกทางกันไป อาจไม่ตรงกันในแอทติจูด สุดท้ายหนูก็ส่งตัวเองเลย”
ตอนที่มาสมัครประกวดรู้จักเคนอยู่แล้วก่อนประกวด?
เคน : “ใช่ครับ รู้จัก 2 ปีกว่าๆ เป็นคนขายงานให้ รู้จักเพราะเพื่อนของน้องคนนี้แนะนำให้รู้จัก ช่วงปีแรกเราคุยกันแค่ผ่านทางออนไลน์ จนเขากลับมาอยู่เมืองไทย ก็เลยบอกว่าเฮ้ย แกมีศักยภาพที่ฉันจะขายงานได้ เดี๋ยวขายงานให้ ด้วยความที่เราชอบทำงาน ชอบหาเงิน ก็มีหน้าที่ขายงานให้น้องตั้งแต่ตอนนั้น”
บอกเคนก่อนมาสมัครประกวดมั้ย?
เฌอเอม : “ตอนที่คนๆ นั้นยังอยู่ก็ไม่ได้บอกนะคะ เพราะทำกันสองสาว ไม่เกี่ยวอะไรเลย เราไม่ได้ปรึกษาเขาเพราะเขาเป็นแค่โบรกเกอร์ที่เรารู้จัก มาบอกใกล้ๆ วันลงสมัครแล้ว ที่บอกว่าจะลงจริงๆ เอาจริงแล้วนะ”
เคน : “ตอนแรกเราก็บอกว่าลงไม่ได้หรอก ยูไม่ได้ว่ะ แต่เขาบอกเพื่อนหนูที่เป็นนางแบบก็ประกวดหลายคนนะ ก็บอกว่าแยกเลยนะเขาเป็นนางแบบ แต่เขามีความเป็นผู้หญิงเป็น feminine น่ามอง แต่เอมดูห้าวๆ ลุยๆ ดูเป็นคนโผงผาง เราบอกไม่ได้หรอก”
เฌอเอม : “นี่แหละถึงไม่บอก (หัวเราะ)”
เคน : “จนกระทั่งเขาไปยื่นใบสมัครเราก็คิดว่าเฮ้ย เอาจริงเหรอ”
ตกลงเราเอาความลับในกองประกวดมาบอกเขาหรือเปล่าก็ต้องเริ่มจากเรารู้ก่อนมั้ย เราดูแลน้องก่อนหรือเป็นทีมงาน?
เคน : “เรื่องความลับกองประกวด ให้ฟ้าผ่า ให้ไฟตกใส่หัวผมเลย ไม่เคยเอามาบอกเลยแม้แต่นิดเดียวจริงๆ”
แต่หนึ่งในทีมงานไม่สามารถส่งนางงามได้?
เคน : “ถามว่าเป็นทีมงานมั้ย ด้วยโพสิชั่นผมคลุมเครือมากในการทำงาน ผมมาดูแลสปอนเซอร์ชิฟ หลังแถลงข่าวไปแล้ว เขาอยากหาโปรดักซ์ดูแลเส้นผมนางงาม เกี่ยวกับทรงผมทั้งหมดทั้งมวล เคนดีลโปรดักซ์ดูแลผมให้ ฉะนั้นเมื่อเวลาลูกค้าเข้ามา เราก็มีหน้าที่ดูแลลูกค้า วันนี้กิจกรรมนี้มีลูกค้าเราเกี่ยวข้องมั้ย เราก็ต้องดูว่าสถานที่เราไปที่ไหน เราก็ให้ทีมงานไปเซ็ตอัปเมื่อไหร่และต้องปล่อยช่างทำผมกลับกี่โมง งานมีทัชอัปหรือบิวต์อัป”
ต้องเข้าร่วมประชุมกับกองประกวด?
เคน : “ตั้งแต่เคนทำงานมา เคนประชุมแค่ 3 ครั้ง ในเรื่องการขาย การดูแลลูกค้า อัปเดตลูกค้าว่าวันนี้ยูขายอะไรไปบ้าง สปอนเซอร์ที่อยู่ในมือยูขายอะไรไปบ้าง ขายได้มั้ย ลูกค้าเซย์เยสหรือยัง หรือลูกค้าออนโปรเซสอยู่ เรามีหน้าที่รายงานเขา”
มีคนสงสัยว่าเคนรู้เรื่องการจัดประกวดทุกขั้นตอน เช่นรู้ว่าคำถามอะไร เก็บตัวการเดินทาง กิจกรรมนางงาม และเอาสิ่งที่เรารู้มาช่วยบอกเฌอเอม จริงมั้ย?
เคน : “ไม่จริงเลย ไม่เคยบอก ไม่เคยคุยอะไรเรื่องนี้เลย อย่างเรื่องคำถาม เอาเข้าจริงๆ นางงามมีทั้งหมด 100 คนเราจะเก็งคำถามยังไง แล้วนางงามมีทั้งหมด 10 กว่าท่าน เรามีความสามารถสนิทกับคณะกรรมการถึงขั้นไปป้อนคำถามใส่ปากท่านกรรมการให้ถามเด็กคนนึงเลยเหรอ มันก็ไม่ใช่ ผมก็ไม่ได้ทำ”
มีมาบอกอะไรมั้ย ว่าเตรียมคำถาม เตรียมตอบไว้ เดี๋ยวจะไปเก็บตัวที่นี่นะ มีเรื่องอะไรที่เป็นวงใน ที่เรารู้มากกว่าคนอื่นมั้ย?
กล้าสาบานมั้ยว่าเราไม่รู้ เป็นหนึ่งในผู้เข้าประกวดเหมือนคนอื่นๆ?
เฌอเอม : “หนูไม่ต้องสาบานค่ะ เพราะหนูเหมือนผู้เข้าประกวดคนอื่นๆ และหนูก็ไม่รู้อะไรเลย”
แต่เขาบอกเคนเข้าประชุมมากกว่า 3 ครั้ง?
เคน : “รูปถ่ายวันที่เขาเอามาโชว์กับสื่อมวลชน วันที่ผู้ใหญ่กองเอามาโชว์ให้เราดู มีรูปทำงานจริงๆ แค่ 1-2 รูป ที่เหลือเป็นรูปเซลฟี่ผ่านหน้าตัวเอง รูปนั้นเป็นรูปวันที่เราเอาของทานเล่นที่เราซื้อไปฝากผู้ใหญ่ แล้วอีกรูปที่ยืนเรียงหน้ากระดาน เป็นวันที่ทำงานในกองวันแรกครับ”
การที่เขาพูดว่าเขามีหลักฐาน เขาพูดลอยๆ?
เคน : “ลอยหรือเปล่าไม่รู้นะ ด้วยวิถีการเข้าประชุมทุกครั้ง ประชุมที่ไหนก็แล้วแต่ ต้องมีเอกสารหนึ่งแผ่น ใครมาประชุมทุกคนต้องเซ็นประชุม หลังประชุมเสร็จทุกคนต้องได้วาระการประชุมเหมือนทุกประชุมที่เขาประชุมกัน ซึ่งผมก็ไม่เคยได้ ทั้งวาระการประชุม และไม่เคยเซ็นเอกสารร่วมเข้าประชุมเลยสักครั้งนึง”
รู้สึกยังไงที่เขาตัดสิทธิ์เรา?
เฌอเอม : “หนูสบายใจค่ะ”
ประชดเปล่า?
เฌอเอม : “ไม่ค่ะ หนูสบายใจ”
ไม่รู้สึกว่าเขาใส่ร้าย กำจัดเรา?
เฌอเอม : “ใจนึงก็เสียดาย แต่อีกใจนึงสบายใจมากกว่า เพราะมันไม่มีเรื่องที่เราต้องเหนื่อยโดยใช่เหตุอีกแล้วค่ะ”
มีการขยายอายุผู้เข้าประกวด ซึ่งเพิ่งขยาย 2 วันสุดท้ายพอดี เดิมต้องไม่เกินอายุเท่าไหร่?
เคน : “ไม่เกิน 27 แล้วขยายมาเป็นไม่เกิน 28”
ทำไมอยู่ๆ ขยายอายุสองวันสุดท้าย?
เคน : “ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน สุดท้ายผมก็แค่อยากรู้ว่าเฮ้ย ทุกคนสมัครมาหมดแล้ว และจะหมดเวลาสมัครแล้ว แล้วเพิ่งที่จะมาขยาย ผมก็ไม่แน่ใจในเจตจำนงค์นี้เหมือนกันว่าขยายเพื่ออะไร”
พอขยายปุ๊บ มีคนอายุไม่เกิน 28 มาสมัครด้วย?
เคน : “มีครับ อายุ 27 ในกลุ่มอยู่ 2 คน”
เขาว่าขยายอายุเพื่อเอื้อประโยชน์ให้ผู้สมัครบางคน?
เคน : “อันนี้ผมไม่แน่ใจ ต้องให้คนที่ดูเป็นคนตัดสิน เราก็ไม่รู้รายละเอียดตรงนี้จริงๆ อยากให้คิดว่ามันเกิดอะไรขึ้นแค่นั้น เพราะสุดท้ายแล้ว ผมไม่ได้เป็นคนตัดสินที่จะขยายอายุได้”
ที่บอกว่าคนอายุ 27 มีสองคน มีใครบ้าง?
เคน : “โหย อย่าพูดถึงเลยครับ กลัว (หัวเราะ) เป็นตัวเต็งทั้งสองคนเลย”
เห็นว่าหนึ่งในสองสนิทกับทีมผู้บริหารกองประกวดด้วย จริงมั้ย?
เคน : “น้องสนิทมาอยู่แล้วครับ ตามที่หลายคนรู้จักและเห็นตามสื่อโซเชียลต่างๆ ว่าน้องกับทางทีมเขาสนิทมาก่อนหน้านี้ น่าจะประมาณ 2 ปีเหมือนกันครับ”
เราสนิทแค่ถูกตัดสิทธิ์ เขาสนิทแค่ได้ประกวดต่อ รู้สึกแฟร์มั้ย ?
เฌอเอม : “จริงๆ ก็รู้สึกไม่แฟร์นะคะ”
เคน : “ถ้าใจจริงของผม ผมคิดว่าไม่แฟร์”
แล้วเรื่องผู้เข้าประกวดบางคนมีประวัติเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติด แต่ได้ประกวดต่อ ไม่ถูกตัดสิทธิ์ คิดว่าจะเป็นสิ่งที่คนวิจารณ์กันมั้ย?
เคน : “ส่วนนี้เห็นน้องเขาเคลียร์ตัวเองกับทางกองประกวดแล้วกองประกวดก็ให้โอกาสเขา ก็ยืนยันตามหลักฐานว่าเขาเป็นคนบริสุทธิ์จริง ไม่ได้มีอะไรติดตัวมา ก็ให้เป็นไปตามวาระของกองประกวดที่เขาตัดสินใจ”
พี่ปุ้ย หนึ่งในผู้จัดประกวด บอกว่าขอตัดสิทธิ์เฌอเอมวันที่ 30 ก.ย. ที่ตัดสิทธิ์เพราะให้โอกาสมาหลายวันแล้ว แต่ไม่มาขอสละสิทธิ์ เขาให้โอกาสยังไง?
เฌอเอม : “ตอนที่เรื่องมันเกิดเป็นตอนกลางคืน ตอนที่เราเข้าไปคุยเรื่องปัญหาสุขภาพ เอมกลับบ้านไปนอนก่อนเลย ไมไหวแล้วจริงๆ ตามีปัญหามาก และหลายเรื่องที่ต้องพัก พอพักเราก็ไม่ได้ดูโซเชียล ไม่ได้ดูอะไรเลย แต่เหมือนมีอะไรบางอย่างที่เขาให้เราพักไปเรื่อยๆ หนูก็ไม่ดูไปเรื่อยๆ หนูไม่ใช่คนประสาทนะคะ แต่เหมือนเขาให้พัก ก็พักจริงๆ ไม่เล่นมือถือ ไม่เปิดมือถือ ไม่ทำอะไร นอนอย่างเดียว แล้วมารู้ตัวอีกทีคือวันที่คนแคปอะไรสักอย่างมาให้ แล้วบอกว่าเป็นเรื่องใหญ่แล้วนะ เราเลยเข้าไปดู เขาบอกว่าให้โอกาสเรามาสละสิทธิ์ ซึ่งหนูก็เลยงงว่าเราคุยกันตอนไหนว่าจะมีการสละสิทธิ์กัน หรือมีการตัดสินที่เป็นรูปธรรม เป็นหมายทางการออกมาตอนไหน นอกจากโพสต์เฟซบุ๊กอันนั้น เพราะหนูเข้าใจเอาเองว่าในองค์กรที่ใหญ่ขนาดนั้น มันไม่น่าประกาศอะไรด้วยการโพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนบุคคลค่ะ”
ควรมีโทรศัพท์มาแจ้งเราหรือแจ้งคนส่งเราเข้าประกวด อะไรก็ตาม?
เฌอเอม : “จริงๆ น่าจะแจ้งตัวเอม แต่ไม่มีเลย มีโทรศัพท์สายนึงบอกว่าให้ทำเอกสารเรื่องสุขภาพว่าข้าพเจ้าชื่ออะไร เป็นโรคอะไร ซึ่งเอมก็ไม่ได้ทำให้ เพราะมีใบรับรองแพทย์อยู่แล้ว คิดว่าอาจเป็นสายนั้นแหละที่พูดอ้อมๆ ว่าสละสิทธิ์เถอะ อะไรแบบนี้ค่ะ”
พอเราไม่มาสละสิทธิ์เลยต้องประกาศตัดสิทธิ์ เพื่อพิทักษ์สิทธิ์นางงามอีก 29 คน?
เฌอเอม : “หนูก็โอเคนะคะ สุดท้ายเรามีโอกาสได้พูดก่อนตัดสิทธิ์ ถ้าอยู่ๆ ให้หนูสละโดยที่หนูรู้สึกว่าสละตอนนี้แล้วฉันเหลืออะไร ฉันไม่ได้พูดอะไรเลยสักอย่าง ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น หลังแถลงหนูเลยบอกว่าให้โอกาสเขาพิจารณาเองค่ะ ว่าจะตัดหรือไม่ตัด เพราะเราพูดแล้วก็ต้องเคารพเขา ซึ่งเขาตัดหนูก็สบายใจไปเลยค่ะ”
แจ้งไปทางเคนมั้ย ให้มาสละสิทธิ์?
เคน : “ไม่มีครับ และไม่รู้มาก่อนครับ ต้องบอกว่าถ้าเขาจะแจ้งผม เขาจะแจ้งในฐานะอะไร เพราะตอนนั้นผมก็ไม่ได้เป็นคนดูแลน้อง ไม่ได้เป็นคนส่งน้องประกวด ถ้าจะแจ้งต้องแจ้งน้องโดยตรง เพราะน้องส่งตัวเองประกวด”
เรื่องที่บอกว่าพอตัดสิทธิ์เรียบร้อย เราไปคุยกับผู้ใหญ่ท่านนึงว่าขอเดินรอบไฟนอลเถอะ เราตัดชุดมาเรียบร้อยแล้ว จริงมั้ย?
เฌอเอม : “ไม่จริงค่ะ เอมได้คุยกับเขารอบเดียว คือเย็นก่อนที่จะเกิดเหตุ เขาเรียกเข้าไปคุยเรื่องสุขภาพ ว่าเราจะไหวมั้ยแบบที่เกริ่นไปแล้ว ซึ่งเราก็บอกว่าถ้าเราไม่ไหว เราคงขอสละสิทธิ์ ซึ่งทีนี้เราจะขอเดินไฟนอลได้มั้ยถ้าเราสละสิทธิ์ไปก่อนหน้านั้น อันนี้เขาไม่ได้บอกให้เราสละหรือไม่สละนะคะ เราคุยกันว่าถ้าสุขภาพเราถึงขีดจำกัด เราจะขอบอกเอง แต่ขอเดินรอบไฟนอลได้มั้ยเพราะชุดตัดมาแล้ว เราอยากให้ซัปพอร์ตเตอร์ของเราได้เห็นจริงๆ ว่าวันนั้นเราเป็นยังไง ซึ่งเขาสัญญาว่าเกิดอะไรขึ้นก็จะให้เดิน ให้เรากลับไปพักผ่อนดูแลตัวเองดีๆ และเขาก็ให้หยุดด้วย ก็เป็นสาเหตุที่วันต่อมาหนูก็นอนเฉยๆ เลยค่ะ”
เรื่องนี้จริงไม่จริง เขาบอกว่าเวทีนี้มงฯ ซื้อได้ เพราะผู้บริหารมีการรับเงิน คิดว่าจริงมั้ย ล็อกผู้ชนะ ผู้ชนะส่วนใหญ่จ่ายเงิน เรื่องของผลประโยชน์ทำให้ได้ตำแหน่ง จริงมั้ย?
เฌอเอม : “เอมไม่ได้อยู่ในวงการนางงามมาก่อน พูดตรงๆ ว่าไม่รู้ พอๆ กับไม่รู้ว่าทำไมมันเกิดเรื่องนี้ขึ้นกับเรา”
เคน : “ในความเห็นของผม ล็อกหรือไม่ล็อก ซื้อหรือไม่ซื้อ ให้คนดูเป็นคนตัดสินใจ และใช้วิจารญาณในการดูว่าซื้อได้จริงมั้ย หรือใช้เพอร์ฟอร์แมนซ์ของแต่ละคนในการประกวด”
เราถามตามข่าวว่ามีการเรียกรับซื้อมงกุฎจากผู้เข้าประกวด เขาบอกว่า 3 ล้านบาทด้วย จริงมั้ย อยากได้มงกุฎต้องจ่าย 3 ล้าน?
เคน : “โห 3 ล้านคุ้มมั้ยกับการได้ตำแหน่ง”
แล้วมีมั้ย?
เฌอเอม : “คนข้างนอกเขาเล่าลือกันมากกว่าว่ามีการอย่างนั้นอย่างนี้ แต่เอาจริงๆ พอมาอยู่จริง เราดันไม่ได้ยิน คนข้างในไม่มีการพูดอะไรแบบนี้เลยค่ะ”
เรื่องฟ้อง เห็นว่าไปปรึกษาทนายนิด้า?
เฌอเอม : “ยังไม่ได้พูดเรื่องฟ้องกลับนะคะ วันแรกไปปรึกษาเขาก่อนว่าเกิดอะไรขึ้น เราแถลงข่าวดีมั้ยเพราะนี่ไม่เคยแถลงข่าวมาก่อน ก็ไม่แน่ใจว่าต้องเรื่องใหญ่มั้ย จะเกิดข้อพิพาทมั้ย หลักๆ เราให้เขาเคลียร์เรื่องข้อกฎหมาย เซ็นไม่เซ็น เรื่องว่าจะเอาผิดเราได้มั้ย มันเคลียร์ไปหมดแล้วว่าไม่มีเคยมีเอกสาร MOU คู่สัญญาเอมก็ไม่ได้ ทนายช่วยเรื่องออกจากเวที แต่เรื่องอนาคตจะกลายเป็นเรื่องของพี่เคน”
เคน : “ที่มีโพสต์แฮชแท็กจากต้นเรื่องว่ามิจฉาชีพ 2020 เจ้าของโพสต์เขียน ซึ่งตรงนี้เราต้องไปดูในแง่กฎหมาย ว่าเราจะทำอะไรได้มั้ย แล้วทนายเห็นควรยังไง เราควรต้องทำยังไงมั้ย ก็ให้เป็นเรื่องอนาคต แต่ ณ ตอนนี้คงยังไม่ฟ้อง เพราะอยากให้ดำเนินไปเรื่อยๆ รอให้ทุกอย่างคลี่คลาย”
รอให้ประกวดจบแล้วค่อยฟ้องหรือเปล่า?
เคน : “อุ้ย”
เฌอเอม : “เอมว่าน่าจะรอดูว่าผลกระทบอะไรกับชีวิตเราด้วย ถ้ากระทบชีวิตเอมมากก็อาจต้องฟ้อง”
เคน : “ถ้ากระทบหน้าที่การงาน และคนที่เราดูแล ซึ่งก่อนหน้านี้หลายคนก็รู้ว่าผมดูแลใครบ้าง ถ้ากระทบทางผมแล้วลามไปถึงคนดูแล ก็ไม่แน่”
ณ ตอนนี้มีผลกระทบอะไรถึงเคน?
เคน : “ตอนนี้ยังไม่ชัดเจน ใช้ความรู้สึกก่อนว่าเหมือนจะมี แต่ยังไม่มีการบอกเลิกสัญญา แค่รู้สึกว่าเวลาช่วงนี้เวลาเราจะติดต่อลูกค้าหรือเอาใครไปเสนออะไรก็แล้วแต่ เราจะได้ยินคำว่าอ๋อ หนูประชุมอยู่พี่ เดี๋ยวโทรกลับนะ เดี๋ยวส่งอันนี้ทิ้งไว้นะ ทิ้งข้อความไว้นะ เดี๋ยวเราฟีดแบ็กกลับ ซึ่งก่อนหน้านี้เวลาเราโทรไปคุยกับใครเราจะได้การเจรจา ณ โมเมนต์นั้น รู้ฟีดแบ็กทันที แต่ตอนนี้ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา รอก่อนนะ เดี๋ยวดูให้นะ เราเลยคิดว่าปฏิกิริยาเหล่านี้จะเป็นผลกระทบจากเรื่องนี้”
เฌอเอม : “ของเอมก็กระทบหนักมาก แจ้งไปแล้วครั้งนึงตอนแถลงข่าว มีคนไปคอมเมนต์ด่าทอในอินสตาแกรมของแฟนเอม และลุกลามเหมือนมาทานอาหารร้านอาหารคนรู้จักเราเพื่อถ่ายรูปเขา แอบถ่ายรูปเขาไปด่า หลังๆ เรามีลูกค้าแปลกๆ ค่อนข้างเยอะ หลังๆ เริ่มลุกลามไปโซเชียลคนรู้จักเอม เอมรู้สึกว่าถ้าคุณคิดว่าเอมทำอะไรไม่ดีแล้วคุณต้องเหยียบย่ำให้ได้ คุณต้องดูพฤติกรรมตัวเองด้วยนะคะ ว่าที่ทำอยู่ โอเคมั้ย”
หมายถึงนักเลงคีย์บอร์ด?
เฌอเอม : “นักเลงในชีวิตจริงก็มีแล้วค่ะ ไม่ได้มีแค่ในคีย์บอร์ด ถ้าคุณไม่ชอบเอม ใต้คอมเมนต์เราก็รับรถทัวร์อยู่ตลอดเวลา พันคอมเมนต์ด่าก็มี แม้เป็นพลับบลิคแต่เป็นการรุกรานพื้นที่่ส่วนตัวของเอม ทำให้เอมไม่สามารถมีชีวิตปลอดภัยได้ในพื้นที่ของเอม ไม่ว่าจะออนไลน์หรือในโลกความเป็นจริง”
ปรึกษาทนายมั้ย?
เฌอเอม : “เรียบร้อยค่ะ ต้องดูก่อนว่าเราจะทำความเข้าใจกันได้มั้ย”
แต่มีดราม่าว่าทนายนิด้าเท?
เฌอเอม : “ขอดูหลักฐานได้มั้ย มีมั้ย หรือลือปากต่อปาก เท่าที่คุยเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวก็ไม่มีนะคะ ก็เลยอยากรู้ว่าข่าวออกไปทางไหน”
มันมีข่าวออกมาอีกว่าเราจะจัดมีตแอนด์กรี๊ดแฟนคลับ ในวันตัดสินการประกวด และจะใส่ชุดที่ตัดมาเตรียมเดินรอบไฟนอลไปเจอกับแฟนคลับด้วย?
เฌอเอม : “เรื่องชุดไม่จริงค่ะ เพราะยังตัดไม่เสร็จ แต่เรื่องจัดมีตติ้ง อันนี้มีคนติดต่อเอมมาว่าเขาอยากจัดกันเองและให้เราไปหา คนติดต่อคือแฟนคลับค่ะ ซาบซึ้งใจมาก”
จัดวันเสาร์นี้ วันเดียวกันเลย?
เฌอเอม : “ค่ะ เพราะทุกคนบินมาดูเราวันเสาร์นี้อยู่แล้ว เขาจองตั๋วเครื่องบินที่พักมาแล้ว เขามาเฉยๆ ก็เสียเปล่า อย่างน้อยถ้าเราไม่ได้พูดคุยปรับความเข้าใจกัน เราก็จะได้บอกลากัน”
บินมาจากไหน?
เฌอเอม : “ไม่แน่ใจ มาจากหลายที่เลยค่ะ”
เราไม่ได้กำหนดวันมีตติ้ง เขาเลือกมาเองว่าจะเจอวันเสาร์นี้?
เฌอเอม : “ค่ะ เพราะเขาเสียเงินมากันแล้วค่ะพี่ (หัวเราะ)”
หรือว่าเคนเลือก รู้เรื่องงานนี้มั้ย?
เคน : “รู้ แต่ไม่ได้เป็นคนเลือก แฟนคลับบอกว่าเขาจองตั๋วเครื่องบิน ห้องพักแล้วนะเพื่อที่จะมาดูและเชียร์เอมในรอบไฟนอลที่จะถึงนี้ แต่พอเหตุการณ์น้องไม่ได้ขึ้นเวที ไม่ได้ประกวด เราทำอะไรได้บ้าง แต่เขามาแล้ว เป็นไปได้มั้ยที่เราจะมีตติ้ง พบปะสังสรรค์ ก็มานั่งคุยกัน ไหนๆ เขามาแล้วก็เจอเขาหน่อยพบปะพูดคุยกัน เพราะสุดท้ายเขาก็เป็นหนึ่งในกำลังใจของเรา”
วันนั้นเวลาเดียวกันมั้ย?
เคน : “ไม่ครับ เป็นเวลาช่วงบ่ายครับ”
พอเขาถ่ายทอดสดการประกวดช่วงดึก ดูมั้ย?
เคน : “หน้างานมีตแอนกรี๊ดถ้าเขาจะดูกันต่อก็ไม่ขัด เพราะเป็นสิ่งที่เขาปรารถนาที่จะเห็น และเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่เขาชื่นชอบ”
ตอนนี้ชีวิตเราเป็นยังไงบ้าง เปิดตัวมาในสื่อด้วยการตอบคำถามที่ฉลาด คนรักคนชอบ แต่พอมีแชตหลุดออกมากลายไปอีกมุมนึง?
เฌอเอม : “เอมแปลกใจมากกว่าที่ก่อนหน้านี้ เหมือนเชิดชูเอมจนมันเหมือนไม่ใช่เอม เอมรู้สึกว่าทุกครั้งที่ได้ยินชื่อเฌอเอมเหมือนไม่ใช่ตัวเรา เป็นใครก็ไม่รู้ ที่อาจเป็นไอดี้ของเขา สวย ฉลาดไม่เคยพลาดเลย ซึ่งทั้งที่ความจริงเราเป็นอย่างนี้ของเรามาตลอด 26 ปีแล้ว ยิ่งในแชตการที่เราพูดเล่นได้ พูดมุกโน้นมุกนี้ มุกล้อพระเจ้า เป็นแชตคนสนิทเราไงคะ มันก็ไม่ควรหลุดถูกมั้ย ถามว่าหนูไปหาพลับบลิค หนูต้องซี้กับทุกคนมั้ย หนูควรซี้กับทุกคนในทันทีมั้ยก็ไม่ควรถูกมั้ยคะ หนูต้องเลือกว่าจะให้อะไรกับคนที่ฟังถ้าหนูเลือกให้ด้านที่ดี ให้แง่คิด หนูก็ให้ แต่อยู่กับเพื่อนก็คือคุยเพื่อความสนุก คุยอัปเดตชีวิต เพราะฉะนั้นการที่อยู่ดีๆ มาบอกว่าเอมตัวจริงกับข้างในแชตไม่เหมือนกัน นั่นเป็นเพราะว่าตำแหน่งของคุณกับคนที่อยู่ในแชตก็ไม่เหมือนกัน”
อยากพูดอะไรกับคนที่ชื่นชมเรามาก่อนแล้ววันนี้อาจเปลี่ยนความรู้สึกไปแล้ว?
เฌอเอม : “หนูอยากพูดในแง่ความเป็นจริงดูบ้าง อะไรที่เอมเคยทำ การที่เอมเคยผิดหรือพลาดเรื่องนึง มันไม่ได้ลบล้างความดีเก่าของเอม หรือสิ่งที่เอมทำให้คนอื่น ไม่ได้ลบล้างกระแสความเปลี่ยนแปลงจากคำพูดของเอม ฉะนั้นวันนี้ถ้าคุณจะไม่มองเราเป็นไอดอลแล้วหรืออะไรก็ตามแต่ อันนั้นโอเคมาก เพราะไอดอลต้องเปลี่ยนตามช่วงวัย ดีแล้วที่คุณเลือกจะเปลี่ยน แต่สิ่่งที่เอมได้ทำไว้ คิดว่าตรงนี้ต้องเป็นโทรฟี่ของเอมต่อไป ไม่มีใครเอาไปได้ ฉะนั้นใครจะวิพากษ์วิจารณ์หรือเหยียบเอมจมดิน เอมจะไม่รู้สึกเลยว่าคุณค่าของเอมจะลดน้อยถอยลง อยากให้แยกก่อนว่าเรามีด้านเป็นมนุษย์ที่เคยทำผิด เคยพลาด เคยมีอคติ หรือมีนิสัยไม่น่ารัก แต่เรามีด้านที่ทำเพื่อคนอื่น ด้านที่เป็นอุดมการ มันแยกจากกันนะ ไม่ได้เหมือนกัน คุณทำใจได้มั้ยว่าเราก็เป็นมนุษย์ หรือคุณสามารถรับอุดมการณ์เราได้มั้ย ทั้งที่เราเป็นมนุษย์”
