“พาณิชย์”ประกาศจุดยืน “ไทยไม่ใช่ถังขยะโลก” ออกประกาศห้ามนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ 428 รายการ เพื่อป้องกันการนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์มาทิ้งในประเทศ เผยมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 15 กันยายนที่ผ่านมา ฝ่าฝืนมีโทษจำคุก 10 ปี ปรับ 5 เท่าของราคาสินค้า หรือทั้งจำทั้งปรับ
นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ออกประกาศ เรื่อง กำหนดให้ขยะอิเล็กทรอนิกส์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ.2563 โดยห้ามนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์จำนวน 428 รายการ ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 กันยายนที่ผ่านมา ผู้ฝ่าฝืนนำเข้ามีโทษจำคุก 10 ปี หรือปรับเป็นเงิน 5 เท่าของราคาสินค้า หรือทั้งจำทั้งปรับ
สำหรับ “ขยะอิเล็กทรอนิกส์” หมายถึงชิ้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ หรือเศษ (ไม่รวมเศษจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้า) ที่มีส่วนประกอบ ซึ่งได้แก่ ตัวเก็บประจุไฟฟ้า และแบตเตอรี่อื่นๆ สวิทซ์ที่มีปรอทเป็นองค์ประกอบในการทำงาน เศษแก้วจากหลอดรังสีแคโทด และแอกติเวเต็ดกลาสอื่นๆ ตัวเก็บประจุไฟฟ้าที่มีสารพีซีบี หรือที่ปนเปื้อนด้วยแคดเมียม ปรอท ตะกั่ว โพลีคลอริเนทเต็ดไบฟีนิล ซึ่งเป็นของเสียเคมีวัตถุ
ทั้งนี้ การห้ามนำเข้าดังกล่าว เป็นการดำเนินการตามมติคณะอนุกรรมการเพื่อบูรณาการการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติก ที่นำเข้าจากต่างประเทศอย่างเป็นระบบ เมื่อช่วงปลายปี 2561 ที่ได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ ออกประกาศห้ามนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการป้องกันการนำขยะอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาทิ้งในประเทศ
โดยมีเป้าหมาย เพื่อช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม กระตุ้นให้ผู้ประกอบการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งบริหารจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่มีอยู่ภายในประเทศให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สนับสนุนการใช้ทรัพยากรในประเทศอย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด อีกทั้งยังช่วยบริหารจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ภายในประเทศเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่อย่างถูกวิธีมากขึ้น สนับสนุนแนวคิด Circular Economy และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดภาระค่าใช้จ่ายในการจัดการของเสียในประเทศ
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- จ่อห้ามนำเข้า ‘มอเตอร์ไซค์มือ 2’ แก้ปัญหามลพิษ
- ทส.เล็งห้ามนำเข้า ‘ขยะพลาสติก’ สวนกระแสรณรงค์งดใช้ แต่นำเข้าปีละแสนตัน
- ญี่ปุ่นห่วงขยะพลาสติกพุ่ง จีนห้ามนำเข้า
