สืบเนื่องจากกรณีของนักแสดงสาว “ตั๊ก บงกช คงมาลัย” ได้ออกมาโพสต์แสดงความคิดเห็นถึงประเด็นร้อนในสังคม เกี่ยวกับกรณีของครูที่ใช้ความรุนแรงกับเด็กนักเรียน จนผู้ปกครองต้องออกมาเรียกร้องถามหาความรับผิดชอบจากโรงเรียน และการเยียวยาเด็กที่ถูกทำร้าย
โดยตั๊กได้ยกเคสตัวอย่าง เล่าประสบการณ์ตรง ที่เคยเกิดขึ้นกับลูกชายของตนเอง ว่า ลูกชายเคยโดนครูสั่งให้อั้นฉี่ และถูกสั่งห้ามกินน้ำ จากโรงเรียนแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นคนละโรงเรียนกับที่เป็นข่าวในตอนนี้ ซึ่งเจ้าตัวก็ระบุไปในโพสต์ พิมพ์ชื่อโรงเรียนไปในโพสต์ด้วย
ล่าสุด (30 ก.ย.) รายการ ครอบครัวบันเทิงออนไลน์ ทางช่อง 3 ได้รับการติดต่อจากหนึ่งในสมาชิกของ สมาคมผู้ปกครองของโรงเรียนสาธิตพัฒนา เพื่อมาชี้แจงความจริงอีกมุมหนึ่ง
โดยผู้ปกครองคนดังกล่าว ได้ให้ข้อมูลผ่านทางโทรศัพท์กับทีมข่าว ว่า จริงๆ เรื่องราวทั้งหมดไม่ได้เป็นไปตามที่ คุณตั๊ก พูดมาทั้งหมด โดยเล่าว่า คุณตั๊ก ได้พาลูกชายมาเรียนที่โรงเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 เมื่อปีที่แล้ว พอเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ทางโรงเรียนได้หยุดการเรียนการสอนไปพักหนึ่ง และได้กลับมาเปิดให้การเรียนการสอนอีกครั้ง ซึ่งหลังจากที่โรงเรียนเปิด ทางครอบครัวคุณตั๊ก ก็ไม่อยากให้ลูกชายมาเรียนหนังสือ เนื่องจากยังเป็นห่วงเรื่องเชื้อโควิดที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนั้น
แต่ทางโรงเรียนก็ได้ยืนยันชัดเจนว่า ทางโรงเรียนมีมาตราการในการป้องกันเชื้อโควิด-19 ตามมาตราฐานสากล และมีการเจรจายื่นข้อเสนอไปพูดคุยกับทางครอบครัวของคุณตั๊ก หลายอย่าง พร้อมกับยืนยันว่า โรงเรียนมีกฎระเบียบว่า เด็กนักเรียนต้องมีเวลาเรียนไม่ต่ำกว่า 80% ถึงจะมีสิทธิ์สอบเลื่อนชั้นได้ ซึ่งถ้าลูกชายคุณตั๊ก ไม่มาเรียนครบตามที่กำหนด ก็จะต้องเรียนซ้ำชั้น สุดท้ายทาง คุณตั๊ก ก็ได้ตัดสินใจขอลาออกจากโรงเรียนไป
ส่วนประเด็นที่ คุณตั๊ก โพสต์นั้น ทางผู้ปกครองท่านดังกล่าว เล่าว่า ได้สอบถามไปยังโรงเรียน และคุณครูคนดังกล่าวแล้ว จริงๆ คุณครูทำตามกฎระเบียบของโรงเรียน คือ ปล่อยให้เด็กเข้าห้องน้ำ และดื่มน้ำในช่วงพักเบรก ตามตารางเวลาที่ได้กำหนดไว้ แต่เวลาปล่อยให้พักเบรก ทางลูกชายของคุณตั๊กอาจจะติดเล่น เลยไม่ไปดื่มน้ำ ไปปัสสาวะให้เรียบร้อยหรือเปล่า พอถึงเวลาเข้าชั้นเรียน ก็มาขออนุญาตคุณครู ครูจึงไม่อนุญาต
ซึ่งก่อนที่ คุณตั๊ก จะพาลูกชายลาออกจากโรงเรียน ก็ได้มาเคลียร์กับคุณครูคนดังกล่าว และโรงเรียนเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับยืนยันว่า ผู้ปกครองของเด็กๆ ที่โรงเรียนนี้ไว้ใจ และเชื่อถือในมาตราฐานของโรงเรียนที่สร้างชื่อสะสมมานาน ส่วนคุณครูคนดังกล่าวที่ถูกพูดถึง ก็เป็นที่รักของเด็กๆ และผู้ปกครอง จนในเมื่อวานนี้ ในโลกโซเชียล ก็มีผู้ปกครองหลายท่านเข้ามาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีนี้ และมีการติดแฮชแทคร่วมกัน คือ #SAVEสาธิตพัฒนา เกิดขึ้น
ขณะที่ทางนักข่าวของ ครอบครัวบันเทิงออนไลน์ ได้สอบถามไปยัง ตั๊ก บงกช เจ้าตัวก็เลยส่งต่อให้คุยกับ เจ้าสัวบุญชัย เบญจรงคกุล โดย เจ้าสัวบุญชัย ได้ชี้แจงมาว่า ตอนที่เกิดช่วงโควิด ทางโรงเรียนได้มีการเรียนการสอนแบบออนไลน์ ให้เด็กเรียนอยู่ที่บ้าน พอเปิดเทอมตามปกติ จึงไม่มีการสอนทางออนไลน์แล้ว แต่ทางครอบครัวก็ยังไม่อยากให้ลูกไปเรียน เหตุผลไม่ใช่เพราะโรงเรียนไม่สะอาด แต่ว่าลูกชายตัวเอง เป็นเด็กไม่ชอบใส่หน้ากากอนามัย จึงได้ขอยืดเวลาให้ลูกหยุดอยู่บ้านไปอีกสักระยะหนึ่งก่อน ซึ่งทางโรงเรียนยืนยันว่าไม่ได้ เพราะเป็นกฎระเบียบของทางโรงเรียน ทางบ้านจึงตัดสินใจให้ลูกลาออกดีกว่า เพราะไม่อยากให้ลูกไปสร้างความเดือดร้อนให้โรงเรียน และเห็นว่าโรงเรียนไม่สามารถรองรับกับเรื่องที่ขอคำปรึกษาไปได้
ทั้งนี้ ได้มีการไปเจรจากับโรงเรียน ซึ่งโรงเรียน ก็ได้คืนเงินค่าเทอมมา 70% ตัวเองจึงได้ย้ายลูกชายไปเรียนที่โรงเรียนอื่น ซึ่งลูกก็ต้องไปเรียนซ้ำชั้น ป.1 อยู่ดี
เจ้าสัวบุญชัย ก็ยังชื่นชมว่า โรงเรียนเป็นโรงเรียนที่ดี มีชื่อเสียง ไม่อย่างนั้นไม่ส่งลูกเข้าไปเรียนหรอก แต่ว่ารู้สึกไม่เป็นไปตามที่ตัวเองเคยไปรับฟังมาก่อนให้ลูกเข้าเรียน ว่าใน 3 ปีแรก โรงเรียนจะมีการเรียนการสอนแบบประเทศฟินแลนด์ คือให้เด็กสร้างการเรียนรู้ด้วยตนเอง ไม่ได้เน้นทฤษฎีในตำรา
แต่ปรากฎว่า พอลูกไปเรียน ไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิดไว้ เป็นการท่องจำ บวกกับตอนเข้าไปเรียนเตรียมชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ก็เริ่มมีปัญหาระหองระแหงกับคุณครูประจำชั้น เพราะว่าในชั้น คุณครูจะมีการตั้งชื่อฉายาให้กับเด็กๆ ซึ่งตัวเองก็เข้าใจว่า ทำเพื่อความสนุกสนาน และสร้างการจดจำชื่อของเด็กๆ ในหมู่เพื่อนๆ แต่ปรากฎว่าในเคสของ น้องข้าวหอม น้องมีชื่อจริงว่า ด.ช.ชีวกิตติ์ แต่ครูเปลี่ยนให้เป็น ชีวกุด เพื่อนๆ ก็เลยเอาไปล้อว่า “ชีวิตกุด” ซึ่งมันเป็นความหมายที่ไม่ดี ตัวน้องเองและคุณพ่อคุณแม่เลยไม่โอเค
เจ้าสัวบุญชัย ยอมรับว่าลูกชายเป็นเด็กซน เวลาเขาทำผิดคุณครูลงโทษก็เข้าใจได้ ที่ทั้งให้ยืนหน้าห้อง หันหน้าเข้ากำแพงเป็นชั่วโมง ลูกก็มาเล่าให้คุณแม่เขาฟังก็ไม่ได้ติดใจอะไร ส่วนที่ตั๊กโพสต์เป็นคำพูดที่ลูกมาเล่าให้ฟัง ซึ่งโดยปกติแล้วลูกชายเป็นเด็กไม่โกหก เขาบอกว่าตอนพักเบรกเขายังไม่ปวดฉี่ ยังไม่หิวน้ำ แต่มาปวดตอนเข้าเรียนพอดี ประเด็นนี้ทางเจ้าสัวจึงเลือกที่จะรับฟังลูก ซึ่งพ่อแม่แต่ละคนก็มีวิธีการเลี้ยงลูกที่ไม่เหมือนกัน
ที่มา ครอบครัวบันเทิงออนไลน์
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ทนายเจมส์ ยังจับตา อิงอิง อยู่ในช่วงเฝ้าระวัง ธัญญ่า เหมือนภูเขาไฟที่ยังไม่ดับ
- คนใกล้ชิดยังสงสัย เป๊ก สัณชัย สามี ธัญญ่า โพสต์แคปชั่นตัดพ้อ เรามันก็คนคนนึง
