COVID-19

เมียนมา วิกฤติโควิด สั่ง ‘อสม.-อสต.’ ด่านหน้าลาดตระเวน เฝ้าระวังเข้มงวด

เมียนมา วิกฤติโควิด กรมควบคุมโรค สั่งการ อสม.-อสต. เฝ้าระวังเข้มงวด พร้อมลาดตระเวนในพื้นที่ พบคนแปลกหน้าเข้าชุมชน แจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทันที

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดี กรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศเมียนมา ที่แนวโน้มรุนแรงมากขึ้น ส่งผลให้เป็นห่วงถึงภาวะ เมียนมา วิกฤติโควิด โดยเฉพาะในพื้นที่ติดประเทศไทย จึงต้องมีมาตรการเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด

เมียนมา วิกฤติโควิด

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ร่วมกับหน่วยงานทุกภาคส่วน ที่เกี่ยวข้อง ดำเนินมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคโควิด-19 ในพื้นที่ ที่มีพรมแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน อย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง หากพบปัญหาแรงงานต่างด้าว ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย จะมีมาตรการทางกฎหมายที่เข้มข้นต่อไป

นอกจากนี้ ยังประเมินความเสี่ยง ที่โรคโควิด 19 อาจแพร่ระบาดมายังประเทศไทย เพื่อวางแผนในการเตรียมความพร้อม รับมือกับสถานการณ์ของโรค ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และเพิ่มความเข้มงวดในการเฝ้าระวัง ที่ด่านชายแดน ทั้งด่านที่เป็นทางการและด่านธรรมชาติ

ทั้งนี้ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และ อาสาสมัครสาธารณสุขประชากรต่างด้าว (อสต.) จะร่วมตรวจสอบพื้นที่ และตรวจลาดตะเวน รวมทั้งเฝ้าระวัง ร่วมกับการค้นหาผู้ติดเชื้อ และประชาสัมพันธ์ให้ความรู้เชิงรุก แก่ประชาชนในพื้นที่ และจัดสถานที่กักกัน local quarantine สำหรับกักตัว

“หากพบความผิดปกติ หรือคนแปลกหน้าในชุมชน จะประสานกับ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทันที”นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าว

สำหรับสถานกาณ์การแพร่ระบาด ของโรคโควิด-19 ในหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศเพื่อนบ้าน ที่ติดกับไทย ได้แก่ ประเทศเมียนมา มาเลเซีย กัมพูชา และลาว ทั้งนี้ ในประเทศเพื่อนบ้านบางประเทศ มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะประเทศเมียนมา และประเทศมาเลเซีย ที่ยังพบผู้ป่วยรายใหม่อย่างต่อเนื่อง

นพ.สุวรรณชัย
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย

ขณะที่รายงานสถานการณ์โรคโควิด 19 ณ วันที่ 23 กันยายน 2563 ประเทศเมียนมา พบผู้ป่วยรายใหม่จำนวน 592 ราย ทำให้มีผู้ป่วยสะสม 6,743 ราย ในจำนวนนี้เสียชีวิต 115 ราย

ส่วนประเทศมาเลเซีย พบผู้ป่วยรายใหม่จำนวน 82 ราย ทำให้มีผู้ป่วยสะสม 10,358 ราย ประเทศกัมพูชา 275 ราย และประเทศลาว 23 ราย จ

จากสถานการณ์ของโรค จะเห็นว่า ในประเทศเมียนมา มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นรวดเร็ว ทางการเมียนมาจึงได้เพิ่มมาตรการล็อกดาวน์ เมืองย่างกุ้ง โดยให้ทำงานอยู่ที่บ้าน งดเว้นการจัดกิจกรรม ยังคงปิดโรงเรียนต่อ และปิดโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า เพื่อป้องกันและควบคุมโรคโควิด 19 ไม่ให้ระบาดเป็น วงกว้างภายในประเทศเมียนมา

นอกจากนี้ ขอให้ปฏิบัติตามแนวทางของ ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) อย่างเคร่งครัด และขอให้ประชาชนมั่นใจ ในระบบสาธารณสุขของประเทศไทย ที่มีความเข้มแข็ง และดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง โดยทุกหน่วยงาน ทำงานร่วมกันอย่างเข้มข้น เพื่อเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรค

ในส่วนการดำเนินการของจังหวัดพื้นที่ชายแดน ติดกับประเทศเมียนมา นั้น จังหวัดกาญจนบุรี ออกประกาศคำสั่งจังหวัด กาญจนบุรี  เรื่อง การระงับใช้ช่องทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทยของบุคคล ยานพาหนะ และสิ่งของ ณ จุดผ่อนปรนทางการค้าด่านพระเจดีย์สามองค์ (จุดผ่านแดนชั่วคราวเพื่อการท่องเที่ยว) ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ดังนี้

1. ระงับการใช้ช่องทางสำหรับการนำเข้า-ส่งออก ขนส่งสินค้า และสินค้าผ่านแดน และห้ามเคลื่อนย้ายบุคคล รวมถึงผู้ป่วยเข้ามาทุกกรณี ณ จุดผ่อนปรนทางการค้า ด่านพระเจดีย์สามองค์ (จุดผ่านแดนชั่วคราวเพื่อการท่องเที่ยว) ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี และช่องทางผ่านแดน ที่เป็นช่องทางธรรมชาติ โดยให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายปฏิบัติหน้าที่โดยเข้มงวด

2. เนื่องจากเป็นกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วน หากปล่อยให้เนิ่นช้าไป จะก่อให้เกิดผลเสียหายอย่างร้ายแรงแก่สาธารณชน หรือผลกระทบต่อประโยชน์สาธารณะ จึงไม่อาจให้คู่กรณีใช้สิทธิโต้แย้ง ตามมาตรา 30 วรรค 2 (1) แห่งพระราชบัญญัติ วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539

ผู้ใดฝาฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนี้ โดยไม่มีเหตุอันสมควร จะมีความผิดตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจมีความผิดตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 22 กันยายน 2563 จนถึงวันที่ 5 ตุลาคม 2563

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo