มาตรการเยียวยาผู้ประกันตนในระบบกองทุนประกันสังคมเฟสที่ 2 ออกมาแล้ว โดยจะ ลดเงินสมทบ “ประกันสังคม” เหลือ 2% เพื่อช่วยเหลือนายจ้างและผู้ประกันตนในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาด
สำหรับมาตรการช่วยเหลือรอบนี้จะมีระยะเวลา 3 เดือนเหมือนรอบที่แล้ว เริ่มตั้งแต่เดือนกันยายน-พฤศจิกายน 2563 ส่วนจะมีผลกระทบอย่างไร? ลูกจ้างและนายจ้างจะมีเงินติดกระเป๋าเพิ่มเท่าไหร่? ไปดูกันเลย!
เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2563 ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบ ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขให้ลดหย่อนการออกเงินสมทบของนายจ้างและผู้ประกันตน กรณีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19))
ร่างประกาศดังกล่าวกำหนดให้ลดอัตราการนำเงินสมทบเข้ากองทุน ประกันสังคม ของนายจ้างและลูกจ้าง เพื่อรักษาระดับการจ้างงานและเพิ่มกำลังซื้อของตลาดในประเทศ
รายละเอียด ลดเงินสมทบ “ประกันสังคม” 2%
มาตรการลดเงินสมทบ ประกันสังคม เฟสที่ 2 จะมีระยะเวลา 3 เริ่มตั้งแต่การจ่ายค่าจ้างเดือนกันยายน-พฤศจิกายน 2563
ผลกระทบ คือ นายจ้างจะมีเงินในกระเป๋าเพิ่มขึ้นสูงสุด 450 บาทต่อเดือน ส่วนผู้ประกันตนมาตรา 33 และมาตรา 39 จะมีเงินติดกระเป๋าเพิ่มขึ้นสูงสุด 336-450 บาทต่อเดือน ดังนี้
- นายจ้างของผู้ประกันตนมาตรา 33 ปกติส่งเงินสมทบในอัตรา 5% ของค่าจ้างผู้ประกันตน หรือสูงสุดไม่เกิน 750 บาทต่อเดือน ให้ลดเหลือ 2% ของค่าจ้างผู้ประกันตน หรือสูงสุดไม่เกิน 300 บาทต่อเดือน ส่งผลให้นายจ้างเหลือเงินในกระเป๋าเพิ่มขึ้นสูงสุด 450 บาทต่อเดือน
- ผู้ประกันตนมาตรา 33 (พนักงานเอกชน) ปกติส่งเงินสมทบในอัตรา 5% ของค่าจ้าง หรือสูงสุดไม่เกิน 750 บาทต่อเดือน ให้ลดเหลือ 2% ของค่าจ้าง หรือสูงสุดไม่เกิน 300 บาทต่อเดือน ส่งผลให้ลูกจ้างเหลือเงินในกระเป๋าเพิ่มขึ้นสูงสุด 450 บาทต่อเดือน
- ผู้ประกันตนมาตรา 39 (ผู้เคยเป็นลูกจ้างมาตรา 33 มาก่อน แต่ได้ลาออกจากบริษัทเอกชนแล้ว) ได้รับการลดหย่อนเงินสมทบจาก 9% ของฐานเงิน 4,800 บาท หรือ 432 บาทต่อเดือน เหลือ 2% ของฐานเงิน 4,800 บาท หรือ 96 บาทต่อเดือน ส่งผลให้เหลือเงินในประเป๋าเพิ่มขึ้นสูงสุด 336 บาทต่อเดือน
หากจ่ายเงินสมทบเกินกว่าจำนวนเงินที่กำหนดไว้ นายจ้างและผู้ประกันตน สามารถยื่นคำร้องขอรับเงินส่วนที่เกินคืนได้ที่ สำนักงานประกันสังคม กรุงเทพมหานคร (กทม.) พื้นที่ สำนักงานประกันสังคมจังหวัด หรือสำนักงานประกันสังคมจังหวัดสาขา โดยตรวจสอบที่ตั้งและเบอร์โทรศัพท์ได้ ที่นี่ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่สายด่วน 1506 ตลอด 24 ชั่วโมง
เพิ่มเงินหมุนเวียน 2.4 หมื่นล้าน กระตุ้นเศรษฐกิจ
น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า มาตรการลดเงินสมทบ ประกันสังคม รอบที่ 2 ตั้งแต่งวดค่าจ้างเดือนกันยายน – พฤศจิกายน 2563 จะเป็นการลดภาระให้แก่ผู้ประกันตนจำนวน 12.79 ล้านคน คิดเป็นเงิน 1.3 หมื่นล้านบาท และนายจ้าง 4.87 แสนราย คิดเป็นเงิน 1.1หมื่นล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเป็นเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจรวม 2.4 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ หากคิดเป็นจำนวนเงินที่จะประหยัดได้ของผู้ประกันตนมาตรา 33 เฉลี่ยอยู่ที่ 1,022 บาท และ ผู้ประกันตนมาตรา 39 เฉลี่ย 1,008 บาท
อย่างไรก็ตาม ในช่วง 3 เดือนนี้ กองทุน ประกันสังคม จะจัดเก็บเงินสมทบได้น้อยลง
โดยกองทุนประกันสังคมคาดว่า จะจัดเก็บเงินสมทบได้ 26,463 ล้านบาท จากปกติที่ประมาณการจัดเก็บได้จำนวน 50,775 ล้านบาท หรือลดลง 24,313 ล้านบาท
ด้านประมาณการรายจ่ายประโยชน์ทดแทนในช่วง 3 เดือน คิดเป็นเงิน 46,667 ล้านบาท ทำให้เงินสมทบที่จัดเก็บต่ำกว่ารายจ่าย และต้องใช้เงินจากกองทุนฯ 17,204 ล้านบาท ส่งผลให้กองทุนเสียโอกาสในการลงทุน 1,077 ล้านบาท
ต้นปีลดไปแล้ว 1 รอบ
ทั้งนี้ เมื่อต้นปี 2563 ที่ผ่านมา กองทุน ประกันสังคม ได้มีมาตรการบรรเทาผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ด้วยการลดเงินสมทบของนายจ้าง ผู้ประกันตนมาตรา 33 และมาตรา 39 ไปแล้วครั้งหนึ่ง เป็นระยะเวลา 3 เดือน ระหว่างเดือนมีนาคม-พฤษภาคม 2563 ดังนี้
- นายจ้าง ลดอัตราเงินสมทบจากปกติ 5% หรือสูงสุด 750 บาทต่อเดือน เหลือ 4% หรือต้องจ่ายสูงสุด 600 บาทต่อเดือน ส่งผลให้นายจ้างเหลือเงินในกระเป๋าสูงสุด 150 บาทต่อเดือน
- ผู้ประกันตนมาตรา 33 ลดอัตราเงินสมทบจากปกติ 5% หรือสูงสุด 750 บาทต่อเดือน เหลือ 1% หรือสูงสุด 150 บาทต่อเดือน ส่งผลให้ลูกจ้างเหลือเงินในกระเป๋าเพิ่มสูงสุด 600 บาทต่อเดือน
- ผู้ประกันตนมาตรา 39 แต่ได้ลาออกจากบริษัทเอกชนแล้ว ลดอัตราเงินสมทบจากปกติ 432 บาทต่อเดือน เหลือ 86 บาทต่อเดือน หรือเหลือเงินในกระเป๋า 346 บาทต่อเดือน
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘ประกันสังคม’ เปย์หนัก ‘เพิ่ม’ ชดเชยลาคลอด 98 วัน ทุพพลภาพจ่าย 70%
- ว่างงานเดือน มี.ค.-ส.ค. 63 เพราะโควิด อย่าลืมขอเงินทดแทน ‘ประกันสังคม’
- ได้ SMS หรือยัง? 31 สิงหาคม ‘ประกันสังคม’ จ่ายเงิน 15,000 บาท วันสุดท้าย