Politics

‘ศรีสุวรรณ’ ส่งสารถึงแกนนำ ใช้ วาทกรรม ปลุกระดม ระวัง ‘จบที่เรือนจำ’

วาทกรรม ปลุกระดม ศรีสุวรรณ ออกโรงเตือนบรรดาแกนนำ ใช้คำพูดดัดแปลง ปลุกระดม ระวังเจอ “อยากจะจบก็ให้มันจบที่เรือนจำ” คุก 7 ปีตามกฏหมาย

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย โพสต์ เพจเฟซบุ๊ก ถึงกรณี แกนนำ นักการเมือง ใช้ วาทกรรม ปลุกระดม เตือนมีความผิดตามกฏหมาย โดยระบุว่า

“ตามที่มีแกนนำกลุ่มการเมือง ขวัญใจน้องฟ้า และแกนนำอีกหลายๆคน ได้นำบทสนทนาบริเวณหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาโพสต์ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว ซึ่งมีหลายข้อความ ที่สุ่มเสี่ยงต่อการผิดกฎหมาย เช่น “สู้เป็นไทย ถอยเป็นทาส” และ “เมื่อกระบวนการยุติธรรมล่มสลาย การต่อต้านจึงเป็นหน้าที่”

วาทกรรม ปลุกระดม

ทั้งนี้ เชื่อว่าการเผยแพร่บทสนทนาดังกล่าว น่าจะมีเจตนาที่จะให้สาวกที่ติดตามหน้าเฟซของตน ได้รับรู้ความคิดและการกระทำ เพื่อนำไปสู่การปลุกเร้าให้สาวกลุกขึ้นสู้กับรัฐ โดยอ้างเพื่อปกป้องสิทธิและเสรีภาพของพวกตนนั้น

คำพูดดังกล่าวบางคำพูด แม้ไม่ใช่คำพูดที่คิดขึ้นมาใหม่ แต่เป็นวาทกรรมที่ดัดแปลงมาจากคำพูดของ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 3 คือ Thomas Jefferson ที่เคยกล่าวไว้ว่า “When injustice becomes law, resistance becomes duty.” ในยุคที่อเมริกายังแบ่งแยกกันเป็นสหพันธรัฐอยู่ เพื่อตอกย้ำให้พลเมืองได้เข้าใจร่วมกัน

จนบางคำพูดของเจฟเฟอสันกลายเป็นปรัชญาไปแล้วที่ว่า “รัฐบาลแห่งชาติ เป็นสถาบันที่จำเป็นจะต้องมีเป็นอย่างยิ่ง เพื่อเป็นองค์กรในการรักษาผลประโยชน์ร่วมกัน, พิทักษ์ และ รักษาความปลอดภัยให้แก่พลเมือง, ชาติ และประชาชน”

แต่การนำวาทกรรมเหล่านั้นมาดัดแปลง พร้อมเสริมข้อความในทางปลุกเร้า ปลุกระดม โดยมีเป้าหมาย และเล็งเห็นผลโดยชัดแจ้งว่า เพื่อให้สาวกที่บรรลุและที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะหรือประชาชน ได้ล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่อง ในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาล โดยใช้กำลังข่มขืนใจหรือใช้กำลังประทุษร้าย ไม่ว่าจะเป็นข้อใดข้อหนึ่ง

การกระทำนั้นย่อมเข้าข่ายความผิดตาม ป.อ. มาตรา 116 ซึ่งต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี

นอกจากนั้น คำพูดดังกล่าวอาจเข้าข่ายการ “หมิ่นศาล” ตาม ป.อ. มาตรา 198 ที่บัญญัติว่า “ผู้ใดดูหมิ่นศาลหรือผู้พิพากษาในการพิจารณา หรือพิพากษาคดี หรือกระทำการขัดขวาง การพิจารณาหรือพิพากษาของศาล ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 – 7 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2 หมื่นบาทถึง1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” และยังอาจเข้าข่ายความผิดตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ ฉบับที่ 2 พ.ศ.2560 ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับอีกด้วย

การใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น สามารถทำได้ ตามรัฐธรรมนูญ 2560 ม.34 บัญญัติ แต่ถ้ากระทำไปแล้วเป็นการขัดต่อความมั่นคง ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนอันเป็นข้อยกเว้นของรัฐธรรมนูญ เจ้าหน้าที่ตำรวจในฐานะผู้บังคับใช้กฎหมาย ก็สามารถที่จะจับกุมแกนนำคนดังกล่าวมาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรมได้”

“นั่นเพราะประเทศยังต้องใช้ระบบนิติรัฐเพื่อกำราบคนพาล อภิบาลคนดีไว้ แต่ถ้าอยากจะจบก็ให้มันจบที่เรือนจำ ดังที่แกนนำหลายคนกำลังเดินเข้าแถวเข้าไปพำนักอยู่ในขณะนี้” นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด

ธนาธร
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ

ก่อนหน้านี้ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำคณะก้าวหน้า ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก กรณีเดินทางไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เพื่อร่วมให้กำลังใจ อานนท์ นำภา และ ภาณุพงศ์ จาดนอก สองแกนนำที่ถูกคุมขัง หลังศาลมีคำสั่งให้เพิกถอนการประกันตัว กรณีขึ้นปราศรัยชุมนุม ซึ่งผิดเงื่อนไขห้ามกระทำผิดซ้ำ โดยมีเนื้อหาดังนี้

“สู้เป็นไท ถอยเป็นทาส

บทสนทนาหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ในค่ำคืนอันมืดมิด แต่สว่างไสวด้วยไฟแห่งความโกรธเกรี้ยวและความหวังอันลุกโชนของประชาชน

คำถาม: อยากบอกอะไรกับนักเรียน นักศึกษา ประชาชน ที่ออกมาแสดงสิทธิความเป็นเจ้าของประเทศในตอนนี้?

ธนาธร: แม้แต่ข้อเรียกร้องที่ง่ายที่สุดที่ขอให้หยุดคุกคามประชาชน พวกเขายังไม่หยุด คิดกันจริงๆ หรือว่าเขาจะยอมให้เรามีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เป็นของประชาชน?

อนาคตของประเทศไทย อนาคตของพวกเราทุกคนอยู่ในมือพวกคุณ

ถ้าเราไม่ลุกขึ้นสู้ในวันนี้ ถ้าไม่ออกมายืนยันปกป้องเสรีภาพของพวกเราเองตั้งแต่วันนี้

วันพรุ่งนี้เราจะไม่เหลืออะไร

คนรุ่นคุณจะเติบโตมาอยู่ในกรงที่ไร้ซึ่งเสรีภาพ

นี่คือห้วงเวลาที่น่าตื่นเต้น

นี่คือจุดเริ่มต้นแห่งยุคสมัย

ธงนำในการต่อสู้วันนี้ไม่ได้อยู่ในสภา

ฝากอนาคตของประเทศไทยไว้ที่มือพวกคุณด้วย

สู้เป็นไท ถอยเป็นทาส”

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo