เรือดำน้ำ ประชาธิปัตย์ มีมติเป็นเอกฉันท์ ให้รัฐบาล และกองทัพเรือทบทวน นำวาระจัดซื้อเรือดำน้ำออกไปจากวาระการพิจาณาของกมธ.งบชุดใหญ่
นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงผลการประชุม สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร วันที่ 25 สิงหาคม 2563 ในส่วนของ การจัดซื้อเรือดำน้ำว่า
ที่ประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้มีการถกเถียงประเด็นนี้กันอย่างกว้างขวาง ถึงการจัดซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำ วงเงิน 22,500 ล้านบาท โดยมีการชี้แจงจากกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ พิจารณางบประมาณปี 2564 และรับฟังความคิดเห็นจาก ส.ส.ของพรรคอย่างรอบด้านแล้ว
จึงมีมติให้กรรมาธิการวิสามัญในส่วนของพรรค ทั้ง 7 คน ไปหารือกับกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างงบประมาณปี 2564 ในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อเสนอให้รัฐบาล และ กระทรวงกลาโหม ชะลอเรื่องการจัดซื้อเรือดำน้ำ ออกไปก่อน
หากกระทรวงกลาโหม คือ กองทัพเรือยังไม่ชะลอเรื่องจัดซื้อ เรือดำน้ำ ประชาธิปัตย์ โดยกรรมาธิการวิสามัญในส่วนของพรรคทั้ง 7 คน ก็มีความจำเป็นต้องลงมติไม่สนับสนุนงบประมาณในส่วนของเรือดำน้ำในชั้นพิจารณาวาระที่จะถึงต่อไป
ทางด้านนายอัครเดช วงศ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะโฆษกกมธ.วิสามัญ พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 กล่าวว่า การที่พรรคประชาธิปัตย์ มีมติเป็นเอกฉันท์ ให้รัฐบาล และกองทัพเรือทบทวน นำวาระจัดซื้อเรือดำน้ำออกไปจากวาระการพิจาณาของกมธ.งบชุดใหญ่ ในวันที่ 26 สิงหาคมนี้ เพราะเห็นว่าการแก้ปัญหาเศรษฐกิจสำคัญกว่า
ขณะเดียวกันประธานวิปพรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้ประสานไปยัง นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แจ้งให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบถึงมติของพรรคประชาธิปัตย์ด้วย
ทั้งนี้ มติของพรรคประชาธิปัตย์เกิดขึ้น หลังจากที่ คณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) ครุภัณฑ์ ไอซีที รัฐวิสาหกิจ และทุนหมุนเวียน ในคณะ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 มีมติอนุมัติงบประมาณจัดซื้อ เรือดำน้ำ จากประเทศจีนของ กองทัพเรือ (ทร.) จำนวน 2 ลำ วงเงิน 22,500 ล้านบาท
กองทัพเรือได้ให้เหตุผลว่า ที่ต้อง ซื้อเรือดำน้ำ เพราะไทยได้ลงนามใน MOU กับจีนไว้แล้วว่าต้องซื้อ 3 ลำ โดยลำแรกได้จัดซื้อไปแล้วด้วยงบประมาณปี 2560 ซึ่งจะได้รับเรือในปี 2567
นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) และรองประธานคณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) ครุภัณฑ์ฯ ระบุว่า กองทัพเรือได้นำ MOU ซื้อเรือดำน้ำ ลำแรกมา ปรากฏว่า ใน MOU ไม่ได้เขียนว่าไทยจะต้อง ซื้อเรือดำน้ำ ลำที่ 2 และลำที่ 3 มีแต่เพียงระบุว่า ถ้าเกิดปัญหาในข้อตกลง หรือเกิดความขัดแย้งให้เจรจากันอย่างฉันท์มิตร ไม่มีการขึ้นศาลหรือคดีต่อกัน โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ลงนามไว้กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของประเทศจีน
ฝั่งที่ลงมติไม่ให้จัดซื้อเรือดำน้ำ และขอให้เลื่อนออกไปก่อน 4 เสียง
- นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร พรรคเพื่อไทย
- นายเรวัต วิศรุตเวช พรรคเสรีรวมไทย
- นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม พรรคเพื่อไทย
- นางสาววรรณวรี ตะล่อมสิน พรรคก้าวไกล
ผู้ที่โหวตสนับสนุนให้ซื้อ 4 เสียง
- นายชยุต ภุมมะกาญจนะ พรรคภูมิใจไทย
- นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา พรรคพลังประชารัฐ
- นายจีรเดช ศรีวิราช พรรคพลังประชารัฐ
- นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู พรรคประชาธิปัตย์
เมื่อทั้ง 2 ฝ่ายมีเสียงเท่ากัน สุดท้าย นายสุพล ฟองงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะอนุฯ กมธ. ออกอีกเสียงหนึ่ง เห็นชอบให้ซื้อเรือดำน้ำ
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘ทร.’ ย้ำ! เคลียร์ปม ‘เรือดำน้ำ’ ชัดเจนแล้ว ขออย่าจุดประเด็นการเมือง
- ทำไมต้อง ‘ซื้อเรือดำน้ำ’ เปิด 9 เหตุผลจาก ‘รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร’ อดีตรองอธิการฯมธ.
- แห่ติดแฮชแท็ก #ประชาชนไม่เอาเรือดำน้ำ หลังกองทัพเรือแจงเหตุผลต้องซื้อ