“ธนาธร” เชื่อมั่น ประเทศไทย มีศักยภาพสร้าง “รัฐสวัสดิการ” ได้ แนะแค่ทำ 4 เรื่องบวกจัดงบแบบใหม่ จะมีเงินเพิ่ม 6 แสนล้าน ที่สำคัญ ต้องเอาทหารออกจากการเมือง
วันนี้ (22 ส.ค.) โตโยต้า ยูเนียน เซ็นเตอร์ จังหวัดฉะเชิงเทรา ในเวทีสัมมนาของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สวัสดิการสังคม เรื่อง “รัฐสวัสดิการ ฝันที่ศิวิไลซ์ ทำอย่างไรจะไปถึง” นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และที่ปรึกษา กมธ.วิสามัญ พิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2564 ร่วมบรรยายในหัวข้อ “ประเทศไทยมีศักยภาพในการสร้างรัฐสวัสดิการหรือไม่”
นายธนาธร เริ่มต้นด้วยการแจกแจงงบประมาณด้านสวัสดิการสังคมต่างๆ ตามช่วงอายุที่คนไทยจะได้รับ พร้อมยืนยันว่า ประเทศไทยมีศักยภาพในการสร้างรัฐสวัสดิการ อย่างแน่นอน
ประธานคณะก้าวหน้า ระบุว่า การจะทำให้สวัสดิการประชาชนดีขึ้นกว่านี้ ทำให้รัฐสวัสดิการเกิดขึ้นได้จริง ไม่ใช่เรื่องที่ทำไม่ได้ ไม่ใช่ว่าประเทศไทยไม่มีศักยภาพ หากแต่อยู่ที่เจตจำนงของผู้มีอำนาจว่า จะทำหรือไม่ ทั้งนี้จะเป็นได้ ต้องทำอย่างน้อย 4 เรื่อง ได้แก่
- ปฏิรูปส่วนราชการ
หน่วยงานที่ซ้ำซ้อน ต้องยุบให้เป็นหน่วยเดียว เพราะนั่นหมายถึง การลดค่าใช้จ่ายประจำ อย่าง บุคลากร ครุภัณฑ์ต่างๆ อีกเป็นจำนวนมาก
- เพิ่มประสิทธิภาพการใช้เงิน
เป็นต้นว่า สัดส่วนการเพิ่มขึ้นของข้าราชการที่ผ่านมา มีทหารเพิ่มขึ้นเยอะกว่าพยาบาล นี่คือการจัดทรัพยากรที่ไม่เหมาะสม กับการพัฒนาประเทศ ถามถึงสามัญสำนึก วันนี้เราต้องการทหารหรือพยาบาลมากกว่ากัน เงินที่เท่ากันนี้จะเพิ่มให้กับทหาร หรือพยาบาล นี่เป็นเรื่องเดียวกัน
- ลดการใช้งบประมาณที่ไม่เหมาะสม
ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดก็คือ กรณีอนุมัติซื้อเรือดำน้ำอีก 2 ลำ มูลค่า 22,500 ล้านบาท และไม่จบแค่นี้ ยังมีงบประมาณที่เกี่ยวข้องอีก 8,400 ล้านบาท สำหรับท่าเรือจอด โรงงานเก็บตอร์ปิโด เรือยกพลขึ้นบก อาคารข้าราชการต่างๆ เป็นต้น คำถามคือสถานการณ์แบบนี้ มีความจำเป็นหรือไม่ ที่จะซื้อเรือดำน้ำ
- ยุติการเอื้อกลุ่มทุน
ที่ผ่านมาโครงการต่างๆ ของรัฐเข้าทำนองว่า นายทุนต้องมาก่อน ส่วนประชาชนรอไปก่อน ยกตัวอย่าง การให้ประโยชน์กับบริษัทปลอดภาษีในสนามบิน เพื่อบรรเทาผล กระทบจากเหตุการณ์โควิด-19 บริษัทดังกล่าวได้รับการเยียวยา ด้วยความรวดเร็ว แต่ประชาชนกว่าจะได้เยียวยาต้องรอนานมาก
“ถ้าเราทำทั้ง 4 เรื่องนี้ได้สำเร็จ ผมเชื่อว่า สวัสดิการของประชาชนในประเทศนี้จะดีขึ้นได้ งบประมาณด้านสวัสดิการ ปี 2564 กว่า 4 แสนล้านบาท เชื่อว่าถ้าทำตามที่กล่าวมาได้ การจัดการงบประมาณแบบใหม่จะสามารถเพิ่มขึ้นได้อีก 50 เปอร์เซ็นต์ คือเพิ่มขึ้นอีกราว 2 แสนล้านบาท ผมกล้ายืนยันว่า จากประสบการณ์ กมธ. งบประมาณฯ ที่ผ่านมา มั่นใจว่าใน 2-3 ปีนี้สามารถทำได้อย่างแน่นอน”
นายธนาธร กล่าวด้วยว่า ประเทศไทยมีศักยภาพทำให้รัฐสวัสดิการเกิดขึ้นได้ อยู่ที่เจตจำนงทางการเมืองว่า จะทำหรือไม่ จะกล้าคุยกับข้าราชการ เรื่องการตัดงบ ที่ไม่จำเป็นหรือไม่ จะกล้าคุยกับนายทุนให้เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมของประเทศ ไม่ใช่ประโยชน์ตัวเองหรือไม่ จะกล้าปฏิรูปกองทัพหรือไม่ จะกล้าปฏิรูปความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับทุนหรือไม่
สำหรับคนที่เข้ามาทำการเมือง เพื่อยศถาบรรดาศักดิ์ เพื่อประโยชน์ เพื่อหน้าตาตัวเอง เขาไม่ทำแน่นอน เพราะการทำเรื่องนี้ จะต้องเผชิญหน้ากับสิ่งต่างๆ และมีแรงกดดันมหาศาลมาก ถ้าไม่มีอุดมการณ์ที่ชัดเจนย่อมไม่มีเจตจำนงทำเรื่องนี้
“บันไดขั้นแรกที่จะไปสู่รัฐสวัสดิการได้ ผมคิดว่าจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเอาทหารออกจากการเมือง แล้วร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขึ้นมาใช้ ทำให้การเมืองเป็นปกติ เมื่อถึงตรงนั้นแล้ว ต้องปฏิรูประบบราชการ ยุติรัฐราชการรวมศูนย์ กระจายอำนาจเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ ต้องปฏิรูปกองทัพให้อยู่ภายใต้รัฐบาลพลเรือน ลดขนาดกองทัพลง ทำให้เป็นกองทัพที่ทันสมัย ต้องปฏิวัติระบบการศึกษา ลงทุนเพิ่มขึ้นในโรงเรียน กับครู กับเทคโนโลยีและอุปกรณ์การเรียนการสอน เป็นต้น สิ่งที่ผมพูดไม่ใช่ทางเลือก เป็นทางออกทางเดียวของประเทศที่เหลืออยู่ และเป็นบันไดขั้นแรกที่จะได้มาซึ่งรัฐสวัสดิการ”
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘อนุฯ ครุภัณฑ์’ ไฟเขียว! เปย์ 2.25 หมื่นล้าน ซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำให้ทัพเรือ
- ‘หญิงหน่อย’ จี้ ‘บิ๊กตู่’ ตื่น!! แนะหั่นงบทหารใช้เงินสู้ ‘โควิด-19’
- ‘ธนาธร’ ประกาศจุดยืนขออยู่ข้างนักศึกษา! ย้อนถามมีข้อไหนจาบจ้วง