Economics

ราคาทองพุ่ง! ร้านทองเยาวราชคึกคัก ประชาชนแห่ขายแน่น

ราคาทอง รูปพรรณพุ่งแตะ 30,500 บาทสูงเป็นประวัติการณ์ ร้านทองเยาวราชคึกคัก ประชาชนแห่ขายทองแน่น “กลุ่มฮั่วเซงเฮง” ยันมีสภาพคล่องเพียงพอในการรับซื้อคืน

สมาคมค้าทองคำ รายงานว่า เมื่อเวลา 14.55 น. ราคาทองคำปรับขึ้นลงรวม 6 ครั้ง ส่งผลให้ ราคาทอง คำในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้ราคาทองแท่งทะลุบาททองคำละ 30,000 ไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม ล่าสุด ราคาทองคำแท่ง รับซื้อเข้าบาทละ 29,900 บาท ขายออกบาทละ 30,000 บาท ส่วนราคาทองรูปพรรณ รับซื้อเข้าบาทละ 29,364.92 บาท ขายออกบาทละ 30,500 บาท

ราคาทอง

นายธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มฮั่วเซงเฮง ยืนยันว่า ร้านทองยังมีสภาพคล่องเพียงพอในการรับซื้อทองคำคืน แม้ขณะนี้จะมีประชาชนรวมถึงนักลงทุนที่นำทองมาขายจำนวนมาก เนื่องจากราคาทองคำพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ แต่ถือว่าปริมาณที่นำมาขายยังน้อยกว่าช่วงเดือนมีนาคม ประกอบกับ ช่วงนี้ร้านทองสามารถส่งออกทองคำได้ ทำให้มีสภาพคล่องหมุนเวียนเพียงพออย่างแน่นอน

ทั้งนี้ ราคาทองคำทั้งในและต่างประเทศขณะนี้ ถือว่า พุ่งแตะสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และยังร้อนแรง โดยสัปดาห์นี้ ต้องติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐที่จะประกาศในวันศุกร์นี้

ส่วนปัจจัยที่น่าสนใจ คือ วันที่ 15 สิงหาคม ที่จะมีการเจรจาระหว่างสหรัฐกับจีน น่าจะได้เห็นความคืบหน้าของการคลี่คลายปัญหาระหว่าง 2 ชาติมหาอำนาจ และจะมีผลอย่างชัดเจนต่อราคาทองคำอย่างแน่นอน

สำหรับแนวต้านราคาทองคำในช่วงนี้มองไว้ที่ 2,055 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และ 2,065 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และแนวรับระยะสั้นที่ 2,000 – 2,020 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำในประเทศ แนวต้านที่ 30,050 – 30,150 บาทต่อบาททองคำ และแนวรับที่ 29,700 บาทต่อบาททองคำ

ราคาทอง

“ในสถานการณ์ทองคำแบบนี้ แนะนำว่าคนที่มีทองคำอยู่ในมืออาจจะทยอยขายทองคำบางส่วน แล้วถือไว้ส่วนหนึ่ง เพื่อรอแนวโน้มที่ราคาอาจจะปรับขึ้นไปได้อีก ส่วนคนที่ต้องการจะลงทุนช่วงนี้คงต้องรอจังหวะให้ราคาทองคำย่อลงมาบ้าง หลังจากปรับขึ้นไปสูงมากแล้ว อาจจะสังเกตกองทุนขนาดใหญ่อย่าง SPDR หากเริ่มเห็นสัญญาณการขายของกองทุนขนาดใหญ่ออกมา ก็อาจจะปรับพอร์ตทองคำไปตามสถานการณ์นั้นๆ ได้” นายธนรัชต์ กล่าว

สำหรับนักลงทุน ที่อยากสะสมทองคำระยะยาว นายธนรัชต์ กล่าวว่า แม้ขณะนี้ราคาทองคำ จะสูงขึ้นมากแล้ว แต่หากพิจารณาปัจจัยสนับสนุนระยะยาว ถือว่ามีอยู่มาก ทั้งดอกเบี้ยต่ำ ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก เงินดอลลาร์อ่อนค่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปลายปีนี้ ที่สำคัญ คือ เดือนกันยายนนี้ เป็นช่วงที่สหรัฐจะปิดงบดุลปี 2563 หากตัวเลขหนี้สาธารณะของสหรัฐสูงขึ้นมาก เพราะการอัดฉัดเงินเข้าสู่ระบบ ก็อาจจะทำให้เงินดอลลาร์อ่อนค่า ลงมาอีกได้ และราคาทองคำ ก็จะได้รับผลบวกนั้นด้วย

พวรรณ์5863
นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์

นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) ผู้นำเข้าและส่งออกทองคำแท่งรายใหญ่ของไทย เปิดเผยว่า ราคาทองคำในตลาดโลก ได้ปรับขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ที่ 2,031 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งราคาที่ปรับขึ้นมาในระดับนี้ ถือว่า เป็นการปรับขึ้นมาสูงมาก แต่ทิศทางราคาทองคำยังคงเป็นขาขึ้น

เนื่องจาก ปัจจัยสนันสนุนยังมีอยู่หลายปัจจัย โดยเฉพาะ COVID-19 ที่ส่งผลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก ซึ่งล่าสุดพบว่า ส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐ ในไตรมาส 2 หดตัวถึง -32% นอกจากนี้ ปัจจัยเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐ – จีน ก็ยังคงมีความขัดแย้งกันอย่างต่อเนื่อง

ประกอบกับ เกิดความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อ และ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ จากสภาพคล่องที่เกิด จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งผลให้นักลงทุน ธนาคารกลางหลายประเทศ สะสมทองคำมากขึ้น รวมถึงกองทุน SPDR ซึ่งเป็นกองทุนขนาดใหญ่ยังคงเข้าซื้อทองคำ เป็นปริมาณสูงสุดเป็นประวัติการณ์

อย่างไรก็ตาม YLG แนะนำ นักลงทุนควรกระจายการลงทุน ในสินทรัพย์ต่างๆ ให้หลากหลาย เพราะการลงทุนมีความเสี่ยง โดยมองว่า ควรมีสัดส่วนการลงทุนทองคำ ในพอร์ตลงทุนที่ 5-15% โดยคนที่เริ่มลงทุน ควรมีสัดส่วนลงทุนอยู่ที่ 5% และค่อยปรับขึ้น เป็น 10% และ 15% โดยสัดส่วนไม่ควรเกินระดับนี้ เนื่องจากปัจจุบันราคาก็ถือว่า ปรับขึ้นมาสูงแล้ว แม้ว่าโอกาสราคายังสามารถปรับขึ้นได้อีก แต่การลงทุนควรมีวินัย และ กระจายความเสี่ยงไปในสินทรัพย์ที่หลากหลาย และถือทองคำไว้ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

ส่วนเป้าหมายราคาทองคำในปีนี้ จะปรับขึ้นไปเท่าใดนั้น ปัจจุบันถือว่า คาดการณ์ได้ยากเพราะราคาปรับขึ้นมามากแล้ว ในขณะเดียวกันผลกระทบด้านเศรษฐกิจจากวิกฤตก็อยู่ในระยะเริ่มต้นเท่านั้น แต่หากมีวัคซีนผลิตออกมาใช้ได้จริง ก็อาจส่งผลให้ราคาทองคำปรับลดลงได้

อย่างไรก็ตาม มองว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ก็ต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร ดังนั้น ทองคำ จึงยังคงอยู่ในเทรนด์ขาขึ้น ซึ่งล่าสุด “โกลแมน แซคส์” คาดการณ์ว่า ภายใน 12 เดือน ราคาทองคำจะปรับไปที่ 2,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งก็มีโอกาสเป็นไปได้ อย่างไรก็ตาม YLG มองเป้าหมายถัดไปที่ 2,100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือคิดเป็นเงินบาทไทยประมาณ 31,000 บาท

สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในระยะสั้น แนะนำให้แบ่งพอร์ตเข้าซื้อหากราคาปรับลดลงมาที่ระดับ 2,000 – 1,988 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนแนวต้านระยะสั้นจะอยู่ที่ 2,031 – 2,043 ดอลลาร์ต่อออนซ์ พร้อมตัดขาดทุนหากราคาทองคำหลุด 1,988 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรลงทุนในปริมาณที่เหมาะสม กับความเสี่ยงที่ตนเองยอมรับได้ พร้อมกับตั้งจุดตัดขาดทุนทุกครั้งเพื่อจำกัดความเสี่ยง

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo