Economics

ทุบทุกสถิติ! ราคาทองรูปพรรณขายออกทะลุ 3 หมื่นบาทแล้ว

ราคาทองรูปพรรณ ขายออกทะลุ 30,000 บาทแล้ว “วายแอจจี” มองเป้าหมายช่วงถัดไปที่ 2,100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนักลงทุนถือทองคำในพอร์ต 5-15% ส่วนมือใหม่ควรเริ่มจาก 5%

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์ราคาทองคำในประเทศวันนี้ ณ เวลา 13.43 น. ราคาปรับขึ้นลงแล้วรวม 6 ครั้ง โดยล่าสุดปรับขึ้นอีก 50 บาท โดย ทองคำแท่งรับซื้ออยู่ที่บาทละ 29,500 บาท ขายที่บาทละ 29,600 บาท และ ราคาทองรูปพรรณ รับซื้อที่บาทละ 28,970.76 บาท ขายออกบาทละ 30,100 บาท

ราคาทองรูปพรรณ

ทั้งนี้ ถือเป็นการปรับขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ใหม่ จากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ และการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด รวมทั้งความตึงเครียดระหว่างสหรัฐ – จีน รวมถึงเหตุการณ์ระเบิดกลางกรุงเบรุต ประเทศเลบานอน

นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) ผู้นำเข้าและส่งออกทองคำแท่งรายใหญ่ของไทย เปิดเผยว่า ทองคำในประเทศทำสถิติราคาปรับขึ้นมาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ ทะลุ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ มองเทรนด์ยังเป็นขาขึ้น แม้ราคาปรับขึ้นมาแรง แต่ปัจจัยหนุนยังแน่น ทั้งผลกระทบจาก COVID-19 ความขัดแย้งสหรัฐ – จีน ล่าสุด เกิดความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อและการอ่อนค่าของสกุลเงิน ส่งผลนักลงทุน ธนาคารกลางหลายประเทศ และ กองทุนขนาดใหญ่เข้าซื้อทองคำต่อเนื่อง

ทั้งนี้ แนะนักลงทุนถือทองคำในพอร์ต 5-15% ส่วนมือใหม่ควรเริ่มจาก 5% ทยอยสะสมในพอร์ตแต่ไม่ควรเกิน 15% สำหรับเป้าหมายราคาทองคำในช่วงถัดไปวายแอลจีมองที่ 2,100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือคิดเป็นเงินบาทเกือบ 31,000 บาท

ด้านนายพิชญา พิสุทธิกุล อุปนายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่า ขณะนี้การระเบิดในกรุงเบรุต ประเทศเลบานอน ยังไม่เป็นปัจจัยในการปรับขึ้นของราคาทองคำครั้งนี้เพราะยังไม่แน่ชัดว่าสาเหตุของการระเบิดมาจากการก่อการร้ายหรืออุบัติเหตุ ซึ่งหากพบว่าเกิดจากการก่อการร้ายจริง คาดว่าจะส่งผลให้นักลงทุนเกิดความกังวลจนหันมาลงทุนในตลาดทองคำเพิ่ม และผลักดันให้ราคาทองคำแท่งมีโอกาสปรับขึ้นมาที่ราคาขายออกบาทละ 30,000 บาท แน่นอน

ราคาทองรูปพรรณ

บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด รายงานราคาทองคำ โดยระบุว่า ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.62 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากในระหว่างวัน ราคาทองคำพุ่งขึ้นไป ทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ บริเวณ 1,987.95 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในระหว่างการซื้อขายในตลาดเอเชีย จากความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐ หลังเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีทรัมป์ขู่จะแบนแอป “TikTok” ของจีน ซึ่งกระตุ้นแรงซื้อทองคำ ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย พร้อมกับกดดัน สกุลเงินดอลลาร์ให้อ่อนค่า

อย่างไรก็ดี ราคาทองคำ ถูกแรงขายทำกำไรในเวลาต่อมา ขณะที่ดอลลาร์ฟื้นตัว ขึ้นกดดันราคาทองคำเพิ่ม หลังโมโครซอฟท์ ออกมายืนยันว่า ทางบริษัท กำลังอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อกิจการ TikTok ขณะที่สื่อรายงานว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ จะให้เวลา 45 วัน แก่บริษัท ByteDance ของจีน ในการเจรจาเพื่อขายกิจการ TikTok ให้แก่ไมโครซอฟท์ นอกจากนี้ สกุลเงินดอลลาร์ ยังได้รับแรงหนุนเพิ่มหลัง ISM เผยว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตของสหรัฐ ดีดตัวขึ้นเกินคาดสู่ระดับ 54.2 ในเดือน กรกฎาคม ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีอีกด้วย

สถานการณ์ดังกล่าว กดดันให้ราคาทองคำร่วงลง ทดสอบระดับต่ำสุดบริเวณ 1,959.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่แรงซื้อ Buy the dip ในราคาทองคำ ยังคงแข็งแกร่ง เนื่องจาก นักลงทุนบางส่วน ยังมองว่า สถานการณ์ทางการเมือง และเศรษฐกิจ ยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ส่งผลให้ราคาทองคำฟื้นตัวขึ้น กลับมาปิดตลาดในแดนบวกได้ในที่สุด ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองเพิ่ม +6.43 ตัน สำหรับวันนี้ ติดตามการเปิดเผยยอดสั่งซื้อภาคโรงงาน และการสำรวจความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจจาก IBD/TIPP

คำแนะนำ ราคาทองคำมีแรงซื้อเข้ามาพยุง ให้ราคาเคลื่อนไหวในระดับสูง หากสามารถยืน 1,965 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ให้เข้าซื้อเพื่อทำกำไรระยะสั้น เพื่อรอแบ่งทองคำออกขายทำกำไรโซน 1,988 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากผ่านได้ให้ชะลอการขายออกไป

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo