Politics

‘ยิ่งลักษณ์’ โอดเดือนเดียว โดนปปช.ชี้มูลถึง 2 คดี

“ยิ่งลักษณ์” ออกมาโพสต์ชี้แจงหลังจาก หลังจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยนายนิวัติไชย เกษมมงคล โฆษก ป.ป.ช. ออกมาแถลงข่าวชี้มูลความผิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมพวกอนุมัติ และดำเนินการจัดนิทรรศการ การสัมมนา และการโฆษณาประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับ “โครงการ Roadshow สร้างอนาคตไทย Thailand 2020” วงเงิน 240 ล้านบาท โดยมิชอบ

ล่าสุด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊กส่วนตัวแชื่อ Yingluck Shinawatra ระบุว่า ดิฉันได้เห็นข่าวที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิด เรื่องดำเนินการจัดนิทรรศการ การสัมมนา และการโฆษณาประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับ “โครงการ Roadshow สร้างอนาคตไทย Thailand 2020”วงเงิน 240 ล้านบาท โดยมิชอบนั้น ทำให้ดิฉันเกิดความสงสัย และขอตั้งข้อสังเกตกับ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ว่า มีความขยันในการเร่งรัดคดีดิฉัน ฝ่ายเดียว เพราะภายในเดือนนี้เดือนเดียว ป.ป.ช. ก็มีการชี้มูลความผิดกับดิฉัน ถึง 2 คดีติดๆกัน โดยวันที่ 1 ก.ค. 2563 ชี้มูลเรื่องการใช้อำนาจโอน นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้มาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำโดยมิชอบ
'ยิ่งลักษณ์'
เมื่อวานที่ผ่านมาก็ถูกชี้มูลในคดีนี้อีก ซึ่งผิดกับคดีที่ฝ่ายรัฐบาลปัจจุบันถูกร้อง และขอให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบ ดูเหมือน ป.ป.ช. จะให้ความเป็นธรรม กับรัฐบาลปัจจุบันมากเป็นพิเศษในหลายคดี ทั้งๆที่เป็นคดีที่สังคมเกิดข้อกังขา และตั้งข้อสงสัยมากมายกับการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช. และผลการพิจารณาหลายคดี ก็ค้านกับความรู้สึกของประชาชน

‘ยิ่งลักษณ์’ โอดเดือนเดียวโดนปปช.ชี้มูล 2 คดี

วันนี้แทนที่ ป.ป.ช. จะให้ความสำคัญกับ การตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล โดยเฉพาะการจัดสรรงบประมาณ และการใช้จ่ายเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน ของพี่น้องประชาชน ที่กำลังได้รับความเดือดร้อน ทั้งจากปัญหาทางเศรษฐกิจ ปากท้อง และปัญหาโควิด-19 ที่รอการแก้ไข แต่กลับมาเร่งรัด เร่งรีบ กับคดีของฝ่ายที่เห็นต่างและคิดว่าอยู่ตรงข้ามกับรัฐบาล 

สำหรับคดีแรก กรณีการย้าย นายถวิล ดิฉันมิได้เจตนาที่จะกลั่นแกล้งผู้หนึ่งผู้ใด เพราะการที่คณะรัฐมนตรีหรือรัฐบาลหนึ่งรัฐบาลใดใช้อำนาจโยกย้ายข้าราชการโดยเฉพาะผู้ปฏิบัติหน้าที่งานด้านความมั่นคง ซึ่งต้องเป็นที่เชื่อถือ และไว้วางใจของรัฐบาลทุกรัฐบาลที่ได้กระทำกัน ซึ่งหลังจากที่ดิฉันหมดหน้าที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็มีการโยกย้ายข้าราชการอย่างมากมาย แต่กลับไม่มีความผิด เพราะมีมาตรา 44 คุ้มครอง และคดีนี้มาจากการ ที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินเมื่อวันที่ 7 พ.ค. 57 เพื่อให้ดิฉันพ้นจากหน้าที่ความเป็นนายกรัฐมนตรี และวันรุ่งขึ้น 8 พ.ค. 57 ป.ป.ช. ก็ชี้มูลเรื่องคดีจำนำข้าวโดยเร่งรัด ต่อมาเดือนเดียวกัน วันที่ 22 พ.ค. 57 ได้มีการปฏิวัติรัฐประหารเกิดขึ้นจนทำให้เกิดปัญหามาจนถึงทุกวันนี้ ที่ประชาชนต้องเรียกหาความยุติธรรมและประชาธิปไตย ไม่จบสิ้น
'ยิ่งลักษณ์'
ส่วนเรื่องจัดทำโครงการโรดโชว์สร้างอนาคตไทย สืบเนื่องจากรัฐบาลของดิฉัน เสนอนโยบายสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูง และโครงสร้างพื้นฐานอีกหลายเรื่อง โดยการออกร่างพระราชบัญญัติ ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อการพัฒนาโครงการพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ….. หรือที่เรียกว่า ร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านเป็นโครงการที่ทำให้เกิดการรับรู้ และรับฟังความคิดเห็นจาก ประชาชนทั่วประเทศ ซึ่งเป็นนโยบายที่ถูกต้อง เป็นประโยชน์กับบ้านเมือง ไม่มีเรื่องทุจริตประพฤติมิชอบใด ๆ ต่อมารัฐบาลชุดปัจจุบัน ก็นำโครงการนี้มาดำเนินการต่อ และวันนี้รัฐบาลปัจจุบันก็จำเป็น ต้องออกนโยบายโครงสร้างพื้นฐาน 3 ล้านล้าน ซึ่งมากกว่ารัฐบาลดิฉันโดยปราศจากการท้วงติงหรือการตรวจสอบจาก ป.ป.ช.
ทุกวันนี้ดิฉันใช้ชีวิตอย่างเงียบๆ ในต่างประเทศอย่างปุถุชนคนทั่วไป แต่ยังต้องมาถูกกล่าวหาในทางอาญา 2 เรื่อง ติดต่อกันในเวลาไม่ถึง 1 เดือนอีก เพื่อให้มีการพิจารณาคดีลับหลังดิฉัน ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าสถานการณ์บ้านเมืองในวันนี้ ช่างสอดคล้อง หรือเหมือนกับความโชคร้ายในชีวิตของดิฉัน ที่โหยหาความยุติธรรมว่าเมื่อไหร่จะเกิดขึ้นกับบ้านเมืองอันเป็นที่รักของดิฉันเช่นกันเสียที
ดิฉันไม่อยากให้ความยุติธรรมต้องเลือกข้าง ความยุติธรรมต้องไม่เหลื่อมล้ำ ถ้าเป็นนักการเมือง หรืออดีตนักการเมืองฝ่ายหนึ่ง ทำอะไรก็ผิดเสมอ แต่อีกฝ่ายทำอะไรไม่ผิดเลย ซึ่งขัดต่อหลักนิติธรรมเสียแล้ว ไม่วันใดก็วันหนึ่งความศรัทธา ความเชื่อมั่น ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. อาจหมดสิ้นไป
'ยิ่งลักษณ์'

“สุรนันท์” ยันทำถูกต้องยึดถือกฎหมาย

ด้านายสุรนันท์ เวชชาชีวะ อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความชี้แจงบนเฟซบุคส่วนตัว ว่า “ตามที่คณะกรรมการ ปปช.ได้แถลงกรณีการดำเนินการจัดนิทรรศการ การสัมมนาและการโฆษณาประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูล เกี่ยวกับโครงการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ระบบคมนาคมขนส่งของประเทศ ให้แก่สาธารณชนทราบ ภายใต้ชื่อ “โครงการ Roadshow สร้างอนาคตไทย Thailand 2020” โดยมิชอบ โดยมีผมซึ่งดำรงตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในช่วงวันเวลาดังกล่าว เป็นผู้หนึ่งที่ถูกชี้มูลความผิด เป็นผู้ถูกกล่าวหาโดยคณะกรรมการปปช. ด้วย นั้นผมขอยืนยันว่าการดำเนินการใดๆ ในตำแหน่งหน้าที่เลขาธิการนายกรัฐมนตรี  เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ และด้วยความระมัดระวัง อย่างรอบคอบ ยึดถือกฎหมายและระเบียบ รวมถึงนโยบายของรัฐบาล ที่มุ่งมั่นและคำนึงถึง ประโยชน์ของรัฐและประชาชน เป็นที่ตั้ง

การปฏิบัติหน้าที่ของผม ในส่วนที่เกี่ยวกับขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้าง ทุกอย่างเป็นไปตามระเบียบว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 ผมได้ยึดถือ และปฏิบัติตาม ระเบียบและกฎหมาย อย่างเคร่งครัด ทุกประการ

ทั้งนี้ภายหลังที่ผมพ้นจากตำแหน่งแล้ว ได้มีการตราวจสอบจากคณะกรรมการติดตาม และตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) และสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลของนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีข้อสรุปว่า การจัดจ้างดำเนินโครงการ Roadshow สร้างอนาคตไทย Thailand 2020 ถูกต้อง เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ และได้อนุมัติเบิกจ่ายงบประมาณตามโครงการดังกล่าวโดยไม่มีหน่วยงานใดทักท้วง

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight