กลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมือง “เยาวชนปลดแอก -สนท.” ตัดสินใจยุติการเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยแล้ว ห่วงความปลอดภัยของผู้เข้าร่วมการชุมนุม และสาธารณูปโภคไม่พร้อมรองรับคนที่มา ประกาศให้เวลา 2 สัปดาห์ รัฐตอบ 3 ข้อเรียกร้อง
หลังจากที่ กลุ่มเยาวชนปลดแอก (Free Youth) และ กลุ่มสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาประเทศไทย (สนท.) ได้นัดชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา ลาออก เมื่อวานนี้ (18 ก.ค.) และประกาศที่จะปักหลักนอนค้างคืนที่ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพราะเกรงว่าประชาธิปไตยจะหายไปจากประเทศ และยังได้ทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ เปิดไฟแฟลชจากโทรศัพท์มือถือส่องไปยังพานรัฐธรรมนูญ โดยระบุว่าเป็นการส่องไฟไล่ความมืด
ล่าสุด เมื่อเวลาประมาณ 00:00 น. วันนี้ (19 ก.ค.) นายทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี เลขาธิการ “เยาวชนปลดแอก” หรือ “FreeYOUTH” และ นางสาวจุฑาทิพย์ ศิริขันธ์ ประธานสนท. ร่วมกันแถลงการณ์ประกาศยุติการชุมนุม เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลประกาศยุบสภา เนื่องจากกังวลเรื่องความปลอดภัยของประชาชนที่เข้าร่วมการชุมนุมเป็นจำนวนมาก
อีกทั้งสิ่งอำนวยความสะดวก และสาธาณูปโภคไม่มีความพร้อมที่จะรองรับมวลชนทั้งหมดได้ จึงตัดสินใจยุติการชุมนุมเมื่อเวลาเที่ยงคืนที่ผ่านมา รวมถึงยกเลิกกิจกรรมร้องเพลงชาติไทยในเวลา 8 นาฬิกา
นายทัตเทพ ยืนยันว่า การยุติการชุมนุม แทนที่จะค้างคืนตามกำหนดการเดิมนั้น ไม่ใช่การยอมแพ้ต่อรัฐบาล และไม่ได้ถูกกดดันจากเจ้าหน้าที่ให้ยุติการชุมนุม แต่ต้องการให้เวลารัฐบาล 2 สัปดาห์ ในการไตร่ตรอง ข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุม 3 ข้อ ซึ่งประกอบด้วย เรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภา หยุดคุกคามประชาชน และจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
หลังประกาศยุติการชุมนุม กลุ่มแกนนำกลัวว่าเจ้าหน้าที่จะเข้าควบคุมตัว เบื้องต้นนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.พรรคก้าวไกล ซึ่งมาสังเกตการณ์ อาสาพากลุ่มแกนนำกลับบ้าน ทำให้เหตุการณ์จบลง โดยยังไม่มีการจับกุม หรือแจ้งข้อหาแกนนำ
สำหรับการชุมนุมในครั้งนี้ ได้มีการย้ำเตือนผู้ชุมนุมให้สวมหน้ากากอนามัย และใช้เจลแอลกอฮอล์ รวมถึงรักษาระยะห่างมาโดยตลอด ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็ให้ความร่วมมือ จึงไม่ได้กังวล ส่วนในอนาคตจะได้ สส. หรือพรรคการเมืองใหม่หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับประชาชนที่จะพิจารณา เพียงหวังว่าพรรคใหม่จะต้องเข้าใจถึงความทุกข์ยากของประชาชน
การตัดสินใจยุติการชุมนุมดังกล่าว ยังเกิดขึ้น หลังในช่วงเวลาประมาณ 21.40 น. วานนี้ เกิดเหตุวุ่นวายขึ้น เมื่อมีชายรายหนึ่งอ้างตัวว่าเป็นการ์ด นำผ้าไปปิดกล้องวงจรปิดรอบบริเวณพื้นที่ชุมนุม ทำให้มีชายฉกรรจ์อีกกลุ่มหนึ่ง ที่อ้างตัวว่าเป็นการ์ดเหมือนกัน นำตัวมาสอบถามในพื้นที่ชุมนุมว่าใครสั่ง และพยายามที่จะนำคนที่ปิดกล้องวงจรปิดไปที่บริเวณเวที เพื่อจะไปถามให้ชัดว่าแกนนำคนไหน เพราะเกรงว่าจะเกิดความเสียหายกับผู้ชุมนุม
ระหว่างที่การ์ดพยายามควบคุมชายต้องสงสัยที่ปิดกล้องวงจรปิด เข้ามาบริเวณเต็นท์เวทีปราศรัย ชายดังกล่าวเกิดต่อสู้ ทำให้ผู้ชุมนุมที่กำลังนั่งฟังการปราศรัยเห็นเข้าเกิดเข้าใจผิด คิดว่ามีเจ้าหน้าที่พยายาม จะจับกุมตัวผู้ชุมนุม จึงกรูเข้ามารุมทำร้ายชายที่หวังดี จนเกิดเหตุชุลมุนถึงขั้นเต็นท์หน้าเวทีพัง
สุดท้ายต้องระดมนักศึกษา และการ์ดมาห้ามปราม ขณะที่ผู้ต้องสงสัยอาศัยจังหวะชุลมุนหนีไป ส่วนชายที่พยายามนำตัวผู้ต้องสงสัยเข้ามากลับถูกรุมทำร้ายจนอ่วม ต้องนำตัวมาปฐมพยาบาล และภายหลังเจ้าหน้าที่ต้องนำออกจากพื้นที่ ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ และความสับสนว่าเกิดเหตุอะไรขึ้น ทางแกนนำเองก็หลีกเลี่ยงที่จะชี้แจง
3 ข้อเสนอ เยาวชนปลดแอก ชุมนุมไล่รัฐบาล
- ต้องประกาศยุบสภา
ให้เหตุผลว่า รัฐบาลสืบทอดอำนาจภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ล้มเหลวในการบริหารเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเกิดวิกฤติการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รัฐบาลได้ประกาศภาวะฉุกเฉิน และออกมาตรการล็อกดาวน์ ส่งผลให้มีคนตกงาน และขาดรายได้เป็นจำนวนมาก แต่รัฐบาลก็ไม่ได้เยียวยาอย่างถ้วนหน้าและทั่วถึง ทั้งยังปล่อยให้ประชาชนเดือดร้อนจากพิษเศรษฐกิจโดยที่ไม่แยแสแต่อย่างใด
ยิ่งไปกว่านั้นยังได้ปล่อยปละละเลยให้แขกวีไอพี ที่มีเชื้อไวรัสเข้ามาในประเทศ โดยที่ไม่ได้กักตัว ซึ่งถือว่าสุ่มเสี่ยงต่อโอกาสที่จะมีการแพร่ระบาดครั้งใหญ่รอบ 2
ด้วยเหตุนี้ จึงไม่อาจไว้วางใจให้รัฐบาลชุดนี้บริหารบ้านเมืองต่อไปได้ จึงขอยื่นคำขาดว่า นายกรัฐมนตรีต้องประกาศ “ยุบสภา” เพื่อคืนอำนาจให้ประชาชนและเปิดทางให้คนที่มีความรู้ความสามารถมาแก้ไขปัญหาทางการเมืองและเศรษฐกิจ
- หยุดคุกคามประชาชน
หลังการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 ประชาชนต่างหวังกันว่า ประเทศไทยจะมีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ประชาชนจะมีเสรีภาพในการแสดงออก และเสรีภาพในการชุมนุมโดยที่ไม่ถูกคุกคาม และยัดข้อกล่าวหา หรือคดีความ
แต่ความเป็นจริงแล้วหาเป็นเช่นนั้นไม่ การคุกคามทั้งทางกายภาพ และทางจิตวิทยา ยังคงดำเนินต่อไป แทบไม่ต่างจากเมื่อสมัยที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยังมีอำนาจอยู่ มีการอ้างความมั่นคงเพื่อปิดปากประชาชน ที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยและความยุติธรรม
ดังนั้นจึงขอเรียกร้องให้หยุดคุกคามประชาชน ทั้งทางกายภาพ ทางจิตวิทยา ตลอดจนการยัดข้อหาเพื่อดำเนินคดี รวมไปถึงให้รัฐสภายกเลิกกฎหมายที่ละเมิดเสรีภาพในการแสดงออก และเสรีภาพ ในการชุมนุมตามระบอบประชาธิปไตย
- ร่างรัฐธรรมนูญใหม่
รัฐธรรมนูญฉบับนี้ เอื้อต่อการสืบทอดอำนาจ ของรัฐบาลเผด็จการ โดยแรกเริ่มเดิมทีก็มีที่มาที่ไม่ชอบธรรม ตามระบอบประชาธิปไตยแล้ว เพราะคณะผู้ร่าง ไม่ได้มีความยึดโยงกับประชาชน ผู้ที่รณรงค์ให้ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญในการลงประชามติ ก็ถูกคุกคาม และยัดข้อหากันไปหลายคน เนื้อหาของรัฐธรรมนูญก็เป็นไป เพื่อรักษาระบอบเผด็จการในคราบประชาธิปไตย
การจะปลดล็อกกุญแจดอกแรก ที่จะนำพาประเทศไทยเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบอบประชาธิปไตย ที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชนอย่างแท้จริงได้ คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเปิดทางให้มีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ โดยคำนึงถึงหลักการสิทธิมนุษยชนเป็นหลัก และปราศจากการแทรกแซง ของคนที่ประชาชนไม่ได้เลือก
ภาพ : Twitter@prachatai