“ธนาคารโลก” ปรับลดประมาณการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้ คาดติดลบ 5% หลังโควิดระบาดฉุดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ห่วงคนตกงานพุ่ง 8.3 ล้านคน
นางเบอร์กิท ฮานสล์ ผู้จัดการธนาคารโลกประจำประเทศไทย เปิดเผยรายงานภาวะเศรษฐกิจไทย ว่า ธนาคารโลก ได้ปรับลดประมาณการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้ลง โดยคาดว่าจะติดลบ 5% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ปลายปีที่แล้วว่าจะขยายตัวได้ 2.9% ก่อนจะกลับมาขยายตัวได้ 4.1% ในปี 2564 และ 3.6% ในปี 2565 เนื่องจากผลกระทบการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้มีการล็อคดาวน์กิจกรรมทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้มีผู้ตกงานจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม แม้ว่ารัฐบาลจะออกมาตรการช่วยเหลือด้วยการให้เงิน 5,000 บาท เป็นระยะเวลา 3 เดือน เพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ รวมทั้งมีมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ยืดเวลาการชำระหนี้ และลดภาษีให้กับธุรกิจเอสเอ็มอี เพื่อเสริมสภาพคล่องในภาวะวิกฤตโควิด-19 ก็ตาม
นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยยังได้รับ ผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย ซึ่งทำให้การค้าโลกหดตัวตาม ซึ่งกระทบต่อการส่งออกของไทยและกระทบต่อภาคการผลิต โดยเฉพาะกลุ่มชิ้นส่วนอิเลคทรอนิกส์และยานยนต์ ขณะที่การเดินทางเพื่อควบคุมการระบาดของโรค ส่งผลกระทบต่อภาคบริการ ภาคค้าปลีก สะท้อนจากยอดขายสินค้าคงทนที่ลดดิ่งลงเกือบ 12% ในช่วงไตรมาสแรกของปี รวมทั้งกระทบต่อภาคการท่องเที่ยว พร้อมแสดงความเป็นห่วงสวัสดิการของครัวเรือนได้รับผลกระทบรุนแรง โดยเฉพาะรายได้ลดลง รวมทั้งคนตกงานเพิ่มขึ้นเป็น 8.3 ล้านคน
ด้านนายเกียรติพงศ์ อริยปรัชญา นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสธนาคารโลกประจำประเทศไทย กล่าวว่ามาตรการเยียวยาภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจของไทยจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ว่า ถือเป็นมาตรการที่มีขนาดใหญ่กว่าประเทศเพื่อนบ้าน หรือมีขนาดถึง 13% ของจีดีพี
พร้อมแนะรัฐบาล ควรเพิ่มฐานข้อมูลประชากร เพื่อให้สามารถช่วยเหลือได้ตรงจุดและ ตรงกลุ่มเมื่อเกิดปัญหา โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มแรงงานนอกระบบ และกลุ่มผู้ที่มีอายุน้อย ขณะที่มาตรการภาคการเงิน มองว่าจะต้องเข้าไปช่วยเหลือเรื่องสภาพคล่องของครัวเรือน และภาคธุรกิจเพื่อไม่ให้เข้าสู่ภาวะหนี้เสียเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม ธนาคารโลก มองว่า รัฐบาลยังมีพื้นที่ทางการคลังที่จะรับมือผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในระยะถัดไปได้ รวมทั้งยังสามารถขยายระยะเวลาในการเยียวยา 5,000 บาทให้กับผู้ได้รับผลกระทบได้อีก
“รัฐบาลจำเป็นต้องย้อนกลับมาดูสถานะการคลังให้มีความยืดหยุ่นในการดำเนินนโยบายมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้ประโยชน์จากรายรับของภาครัฐอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของรัฐจะทำให้มีการจ้างงานเกิดขึ้นได้” นายเกียรติพงศ์ กล่าว
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ช็อก! องค์การค้าของสกสค. เลิกจ้าง 961 ราย เริ่ม 1 ส.ค.นี้
- กรอ.เผยครึ่งปีแรกยอดจ้างงานสูงสุดในรอบ 3 ปี เม็ดเงินลงทุนร่วง 14.09%
- ทวิตเตอร์ถกอาชีพไหนก็ไม่มั่นคง ล่าสุดวิกฤติโควิดลามทำ ‘หมอตกงาน’