“สมคิด” กำชับทุกหน่วยงานเศรษฐกิจร่วมระดมสมองออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ – ท่องเที่ยว หวังขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ด้าน “อุตตม” ยันไม่จำเป็นต้องฟื้นชีพ “ชิมช้อปใช้”
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ร่วมกับนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ผู้บริหารทุกกรมของกระทรวงการคลัง ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อประเมินภาพรวมเศรษฐกิจหลังสถานการณ์ “โควิด” คลี่คลาย ทั้งนี้ มองว่า ในส่วนของการรับเงินเยียวยา โดยเฉพาะกลุ่มประกันสังคม ซึ่งจ่ายเงินประกันสังคมไม่ครบ 6 เดือน ต้องได้รับการช่วยเหลือให้ครบถ้วน และขอความร่วมมือแบงก์รัฐ ภาคเอกชน ตั้งศูนย์ประกอบอาหาร หรือโรงทานแจกจ่ายผู้มีรายได้น้อยได้รับผลกระทบจากปัญหาโควิด เพราะการประหยัดค่าอาหาร 1 มื้อ นับว่ามีความสำคัญกับคนตกงาน หรือผู้มีรายได้น้อย
สำหรับแผนลงทุนพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก วงเงิน 400,000 ล้านบาท หลังเปิดให้ทุกหน่วยงานเสนอแผนลงทุนให้คณะกรรมการกลั่นกรองพิจารณาช่วงต้นเดือนกรกฎาคม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เตรียมเสนอ ครม.พิจารณาหวังว่าในช่วงไตรมาส 3 เงินลงทุนจะออกสู่ระบบ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้อีกทางหนึ่ง หลังจากนั้น ฝากให้ทุกหน่วยงานร่วมกันศึกษามาตรการกระตุ้นเพื่อการบริโภค การท่องเที่ยว เพื่อให้คนระดับกลางออกไปใช้จ่าย การบริโภค เพราะการท่องเที่ยวยังมีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และไทยพร้อมจับคู่กับต่างชาติ เมืองใดปลอดโควิด มีระบบป้องกันดูแลตามมาตรฐานสาธารณสุข พร้อมเปิดทางให้เข้ามาท่องเที่ยวไทย โดยผ่านการพิจารณาอย่างรอบคอบ
รวมทั้งมอบหมายให้กระทรวงการคลัง ก.ล.ต. หารือกับสถาบันจัดอันดับเครดิต เนื่องจากบริษัทที่มีศักยภาพ หากจัดอันดับเครดิตกับสถานการณ์ไม่ปกติ เพื่อให้บริษัทเหล่านี้มีสภาพคล่อง ตลาดตราสารหนี้ไม่มีปัญหา จึงมอบหมายให้นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หารือกับนายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธปท. สมาคมธนาคารไทย เพื่อหามาตรการจูงใจ รวมทั้งศึกษามาตรการภาษี หรือมาตรการจูงใจให้คนออกไปใช้จ่าย เพื่อให้ร้านค้าที่เปิดบริการ แต่ยังไม่มีคนซื้อ เพื่อให้ร้านค้ารายย่อยอยู่ได้ ขณะที่ ธปท.เสนอมาตรการดูแลช่วยเหลือตั้งแต่ต้นก่อนมีปัญหาปลดคนงาน
ด้านนายอุตตม กล่าวว่า โจทย์วันนี้ คือ การดูแลภาคประชาชนและภาคธุรกิจต่อเนื่องจากที่ได้ดูแลมาแล้วระดับหนึ่ง โดยมองไปอีกใน 6 เดือนข้างหน้า หลังจากเศรษฐกิจปรับปลี่ยนไป แต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมจะปรับตัวอย่างไร และต้องการการสนับสนุนด้านใดจากภาครัฐ ซึ่งมาตรการช่วยเหลือคงไม่จำกัดแต่ตัวเงิน อาจมีด้านอื่นๆ ด้วย โดยจะมีการเชิญสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) หอการค้าไทย สมาคมธนาคารไทย มาร่วมหารือเพื่อปรับตัวไปสู่เศรษฐกิจรูปแบบใหม่
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ใกล้จะสิ้นสุดไตรมาส 2/2563 และอยู่ระหว่างเร่งเข็นมาตรการในช่วงที่เหลือต่อจากนี้ โดยอยากให้มาตรการที่จะออกมามีผลในไตรมาส 3/63 เพื่อให้ช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการจนถึงสิ้นปี โดยไม่จำเป็นที่จะต้องนำมาตรการ “ชิมช้อปใช้” มาใช้อีกครั้ง โดยอาจจะเป็นมาตรการอื่นๆ ส่วนจะยึดโยงกับการท่องเที่ยวหรือไม่ อยู่ระหว่างจัดทำรายละเอียด
อย่างไรก็ตาม เตรียมนัดหารือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย เพื่อร่วมกันหาทางฟื้นฟูเศรษฐกิจ และการปรับตัวอย่างไรในช่วงหลังโควิด-19 เพื่อรับฟังว่ารัฐบาลช่วยเหลืออย่างไรบ้าง รวมทั้งโครงการลงทุนเศรษฐกิจฐานราก 400,000 ล้านบาท คณะกรรมการกลั่นกรองต้องพิจารณาให้ดี เพื่อให้โครงการคุณภาพเป็นประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจตรงเป้าหมาย
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘บิ๊กตู่’ นิ่ง! ปัดตอบประเด็นปรัมครม.-‘สมคิด’ วอนหยุดดราม่าการเมือง!
- คลังขานรับคำสั่ง ‘สมคิด’ จี้ช่วยธุรกิจขนาดเล็ก-โยนครม.ชี้ชะตาการบินไทย!!
- ‘อุตตม’ ปัดตอบยังนั่ง ‘รมว.คลัง’ ต่อหรือไม่ โยน ‘บิ๊กตู่’ ตัดสินใจ!