Politics

ครอบครัว ‘วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์’ ออกแถลงการณ์ วอนปล่อยตัวอย่างปลอดภัย!

“วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์” ครอบครัวออกแถลงการณ์ วอนขอปล่อยตัวอย่างปลอดภัย หวังการ “อุ้มหาย” หรือการถูกบังคับให้สูญหายในครั้งนี้จะเป็นกรณีสุดท้าย

จากกรณีนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ อายุ 37 ปี ผู้ลี้ภัยทางการเมืองชาวไทย ที่พักอาศัยอยู่ประเทศกัมพูชา ถูกอุ้มหายตัวไปจากหน้าคอนโดกลางกรุงที่กรุงพนมเปญนั้น

ล่าสุด น.ส.สิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ พี่สาวของนาย วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ผู้ลี้ภัยที่ถูกอุ้มหายในประเทศกัมพูชา ได้ออกแถลงการณ์ในนามครอบครัวถึงองค์การสื่อต่างๆ โดยระบุว่า ในนามของครอบครัววันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ เรามีความรู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่วันเฉลิม หรือ ต้าร์ ได้ถูกลักพาตัวโดยการถูกบังคับให้สูญหาย (EnforcedDisappearance) ในประเทศกัมพูชาเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 มิถุนายน 2563 เวลา 17.00 น. โดยประมาณ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างอุกอาจท่ามกลางประชาชนจํานวนมาก บริเวณหน้าที่พักของวันเฉลิม จนถึงนาทีนี้เป็นเวลากว่า 65 ชั่วโมงแล้ว ยังไม่มีใครทราบชะตากรรมที่กําลังเกิดขึ้นกับเขา

วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์

แถลงการณ์ ระบุว่า วันเฉลิมเป็นที่รักของคนในครอบครัวอย่างยิ่ง เขาเป็นคนโอบอ้อมอารี เคารพบิดามารดาและญาติพี่น้อง เป็นคนเข้มแข็ง เด็ดเดี่ยว ฉลาดหลักแหลม เห็นอกเห็นใจ และมักจะทําให้ทุกคนที่เข้าใกล้หัวเราะ มีความสุขอยู่เสมอ เพราะเป็นคนมองโลกในแง่ดี

นอกจากนี้ เขายังเป็นที่รักของเพื่อนฝูงทุกคน เพราะเขาทํากิจกรรมช่วยเหลือสังคมมาโดยตลอด อาชญากรรมสะเทือนขวัญและร้ายแรงที่เกิดขึ้นกับเขาในครั้งนี้ พวกเราไม่เคยคิดโกรธแค้นใดๆ ต่อผู้ที่กระทําการทั้งสิ้น เรายังหวังลึกๆ และภาวนาว่าทางผู้กระทําการจะปล่อยตัวเขาออกมาในไม่ช้า

“ดิฉันจึงขอวิงวอนมา ณ ที่นี้ ให้ผู้ที่ก่อเหตุได้โปรดปล่อยตัววันเฉลิมกลับคืนมาเถิด พวกเราจะตั้งตารอคอยอย่างไม่คิดที่จะสิ้นหวัง ขอเพียงเขากลับมาได้อย่างปลอดภัย พวกเราหวังว่าการอุ้มหายหรือการถูกบังคับให้สูญหายในครั้งนี้จะเป็นกรณีสุดท้ายที่เกิดขึ้น เราขอเรียกร้องให้องค์กรภาครัฐของไทยและองค์กรนานาชาติใดๆ ก็ตามที่เกี่ยวข้องให้ช่วยดําเนินการสืบสวนหาข้อเท็จจริงอย่างเร่งด่วน เพื่อทําให้ความจริงปรากฏ เพราะเหตุการณ์ในครั้งนี้เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง และทําให้สังคมไทยตกอยู่ในความหวาดกลัว หวาดระแวง สิ้นหวัง เนื่องจากเหตุการณ์เช่นนี้อาจจะเกิดขึ้นกับคนใกล้ตัวที่เรารักก็ได้”

วันเฉลิมจําต้องลี้ภัยทางการเมืองอย่างไม่เป็นทางการไปสู่ประเทศกัมพูชาและประเทศอื่นๆ เป็นระยะเวลามากกว่า 6 ปี จะเห็นได้ว่านายวันเฉลิมเป็นผู้รักความยุติธรรม ความถูกต้อง หลักการประชาธิปไตย และยืนขึ้นเพื่อต่อสู้ต่อความอยุติธรรมใดๆ ก็ตามที่เกิดขึ้นเสมอ เพียงแต่การยืนขึ้นครั้งนี้เขาได้ใช้ชีวิตของเขาเป็นเดิมพันและเป็นเหตุให้ถูกพรากไป วันเฉลิมเป็นนักพูดตัวยง

อีกทั้งยังเป็นนักกิจกรรม เขาจึงมีความชื่นชมเป็นพิเศษต่อวิสัยทัศน์ของอดีตผู้นําที่มีวิสัยทัศน์หลายๆ ท่าน ไม่เฉพาะเจาะจง ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใดที่จะชื่นชอบใครหรือไม่ชื่นชอบใคร เพราะเขาเชื่อว่าแม้จะมีความคิดเห็นที่แตกต่างหรือจุดยืนที่ไม่ตรงกัน แต่เรายังอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขและรักใคร่ ปรองดองกันได้

แถลงการณ์ ยังระบุอีกว่า ในนามของครอบครัว พวกเราขอฝากคําขอบคุณไปให้แก่ทุกท่านที่ร่วมกันแสดงความรู้สึกและต้องการเรียกร้องให้วันเฉลิมกลับมาอย่างปลอดภัย ทั้งนี้พวกเราก็ขอส่งต่อกําลังใจแก่ผู้ที่กําลังต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนทั่วโลกเช่นกัน เพราะเราเข้าใจ เรารู้สึกดีว่าการสูญเสียคนที่เรารัก คนที่เราใกล้ชิดเป็นอย่างไร ครอบครัวของเรายังหวังและปรารถนาให้วันเฉลิมยังคงปลอดภัยและกลับมาโดยสวัสดิภาพ

วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์

ด้านองค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ออกแถลงการณ์กรณีอุ้มหาย “วันเฉลิม” ขอประณามและต่อต้านการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน

จากกรณีการอุ้มหายนาย วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2563 ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ซึ่งเป็นผู้ลี้ภัยทางการเมืองจากกรณีการอนุมัติหมายจับบุคคลที่ไม่มารายงานตัวตามคำสั่ง คสช. ที่ 44/2557 โดยศาลทหาร ก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง ดังปรากฏว่า บนโลกโซเชียลได้มีการติด #Saveวันเฉลิม จนกลายเป็นประเด็นที่ได้รับการพูดถึงเป็นอันดับหนึ่งอย่างรวดเร็วนั้น

ต่อประเด็นข้างต้น ได้มีหลักกฎหมายที่เกี่ยวข้องจากอนุสัญญาคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการถูกบังคับให้สูญหาย (International Convention for the Protection of All Persons from Enforced Disappearance) ที่ได้ให้ความหมายของการบังคับบุคคลให้สูญหาย หรือ “การอุ้มหาย” ว่าหมายถึง “การจับกุม การคุมขัง การลักพาตัว หรือ การลิดรอนเสรีภาพรูปแบบอื่น ที่กระทำโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือโดยบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่กระทำการภายใต้อำนาจหรือการสนับสนุนหรือการยอมรับจากรัฐ ตามด้วยการปฏิเสธไม่รับรู้การลิดรอนเสรีภาพดังกล่าว หรือโดยการปกปิดชะตากรรมหรือที่อยู่ของผู้สูญหาย ทำให้ผู้สูญหายอยู่นอกการคุ้มกันของกฎหมาย”

อนึ่ง แม้ไทยจะมิได้เข้าร่วมเป็นรัฐภาคี แต่ก็ได้มีการลงนามในอนุสัญญาดังกล่าวไปแล้วมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555 อันถือเป็นการแสดงเจตนารมณ์ของไทยที่มีความตั้งใจจริงในการส่งเสริม ปกป้อง และคุ้มครอง ตลอดจนใส่ใจต่อปัญหาการอุ้มหาย อีกทั้งตามกฎหมายภายในและพันธกรณีระหว่างประเทศที่ไทยมีอยู่ ได้แก่ มาตรา 28 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ข้อ 3 ของปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (Universal Declaration of Human Rights) และข้อ 6 ของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights) นั้น ต่างก็ได้รับรองสิทธิขั้นพื้นฐานที่มนุษย์ทุกคนมีมาตั้งแต่กำเนิด

Avatar photo