Business

“สหพัฒน์”ยอมรับกำลังซื้อยังไม่ฟื้น ชู3กลยุทธ์รุกตลาดปี61   

Boonchai
นายบุญชัย โชควัฒนา
ยอดขายของสหพัฒน์ บริษัทผู้จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ เป็นเหมือนดัชนีชี้วัดกำลังซื้อในตลาด ซึ่งทุกปียอดขายสหพัฒน์จะสะท้อนภาวะเศรษฐกิจได้ค่อนข้างชัดเจน กำลังซื้อเติบโตหรือชะลอตัวสามารถประเมินได้จากยอดขายของบริษัทอุปโภคบริโภคใหญ่รายนี้ ซึ่งในปี 2560 ที่ผ่านมา ยอดขายสหพัฒน์ทำได้พลาดเป้า จากที่คาดว่าจะเติบโต 10% ด้วยเป้าหมายยอดขาย 3.3 หมื่นล้านบาท แต่ทำได้จริงเพียง 3.1 หมื่นล้านบาท เติบโต 4% ถือเป็นการเติบโตที่ต่ำสุดในรอบหลายปี  แต่ก็ยังถือว่าโตกว่าอัตราการขายตัวทางเศรษฐกิจประเทศ

กำลังซื้อยังไม่เห็นสัญญาณว่าดีขึ้น แม้รัฐบาลจะได้อัดฉีดโครงการ จัดเงินให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยแล้วก็ตาม

นายบุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด(มหาชน) กล่าวพร้อมเปิดเผยยอดขายของเครือสหพัฒน์ ในปี 2560 ที่ผ่านมาว่าต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ซึ่งเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจ โดยพบว่ากลุ่มธุรกิจอาหารของเครือสหพัฒน์ ในปีที่ผ่านมาเติบโตน้อยกว่าที่คาด

อย่างไรก็ตาม แม้ว่ายอดขายจะทำได้ต่ำกว่าเป้า แต่ในส่วนของผลกำไรแล้ว ในปี2560 ที่ผ่านมา สหพัฒน์สามารถทำกำไรได้ดีที่ระดับ 1,444 ล้านบาท เติบโตที่ประมาณ 25.41% ถือว่าไม่น้อย โดยกำไรที่เติบโตส่วนหนึ่งมาจากการที่บริษัทสามารถบริหารด้านโลจิสติ๊กได้ดีขึ้น สามารถลดต้นทุนไปได้เกือบ 100 ล้านบาท

ส่วนแนวโน้มการดำเนินธุรกิจของเครือสหพัฒน์ปีนี้ คาดว่าสถานการณ์จะดีขึ้น แม้ว่ากำลังซื้อยังคงชะลอตัว แต่สหพัฒน์คาดว่าจะสามารถทำยอดขายเติบโตได้ 9% ด้วยเป้าหมายยอดขาย 3.4 หมื่นล้านบาท และมีกำไรอยู่ที่ 2,000 ล้านบาท ซึ่งความเติบโตนี้จะดำเนินควบคู่ไปกับกลยุทธ์ที่ดำเนินการกับคู่ค้า

โดยกลยุทธ์การตลาดที่สหพัฒน์ให้ความสำคัญในปีนี้ คือ การจับมือกับคู่ค้า (Principal) ใหม่ ในด้านการจำหน่ายสินค้า อาทิ วินามิลค์ (VINAMILK) แบรนด์โยเกิร์ตอันดับ 1 จากเวียดนาม ที่มีจุดเด่นในเรื่องรสชาติ คุณภาพและมาตรฐานอียู วินามิลค์ ได้มอบหมายให้สหพัฒน์เป็นผู้จัดจำหน่ายรายเดียวในประเทศไทยในทุกช่องทาง ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2561 เป็นต้นไป พร้อมวางแผนที่จะขยายกำลังการผลิตโยเกิร์ต นมเปรี้ยว และนมข้นหวานในประเทศไทยในอนาคตด้วย

สินค้าใหม่อีกตัวที่น่าสนใจคือ ดอร์โก้ (DORCO) แบรนด์มีดโกนยักษ์ใหญ่จากเกาหลีที่มีการเติบโตในตลาดต่างประเทศและส่งออกไปมากกว่า 150 ประเทศทั่วโลก มีส่วนแบ่ง 10% ในตลาดโลกเข้ามาทำตลาดในไทย นอกจากนี้ยังมี สินค้าใหม่จากคู่ค้า (Principal) เดิม อาทิ ริชเชส ผลิตภัณฑ์ประเภทนมเปรี้ยว โยเกิร์ต เยลลี่ ซึ่งปรับโฉมบรรจุภัณฑ์ใหม่ จะออกวางตลาดในช่วงเดือนเมษายนปีนี้

เปิดตัวหลายผลิตภัณฑ์ใหม่สู่ตลาด

นอกจากนี้ยังมี ซื่อสัตย์ สึนามิ มิลค์ ซีฟู้ด บะหมี่แนวใหม่จากตระกูลซื่อสัตย์ มีจุดเด่นอยู่ที่น้ำซุปนม และน้ำมันเจียวที่ปลอดไขมันทรานส์ สินค้าที่จะเป็นตัวผลักดันยอดขายอีกกลุ่มคือ ผลิตภัณฑ์หมวด Oral Care จากไลอ้อน ได้แก่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก ภายใต้แบรนด์ KODOMO, SYSTEMA, SALZ, GOOD AGE, ZACT, WISE และซื่อสัตย์ ที่มุ่งเน้นสินค้าเพื่อเสริมสร้างสุขภาวะของผู้บริโภคครอบคลุมทุกช่วงวัย

ในปีที่ผ่านมา บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) ได้เปิดตัวโรงงานใหม่ Green Building ทำให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นซึ่งส่งผลให้สหพัฒน์ มีสินค้าจำหน่ายมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมี การเปิดตัวสินค้าใหม่ ออกสู่ตลาด ได้แก่ กะทิพร้าวหอม, Project Beyond ซึ่งเป็นร้าน Multi-brand ที่ได้แบรนด์ชั้นนำจากอเมริกาอย่าง Under Armour มาเป็นไฮไลต์ ร่วมด้วยแบรนด์ดังอื่นๆ ได้แก่ Converse, Mizuno และ Crocs ซึ่งล้วนได้รับการตอบรับที่ดีมากจากผู้บริโภค, สินค้าในกลุ่ม Sea snack อาทิ แก้มกุ้งทอดกรอบปรุงรส รวมทั้งมาม่าโจ๊กต้มยำกุ้ง, มาม่าข้าวต้มหมูกระเทียมพริกไทย, มาม่ากะเพราแซ่บแห้ง, มาม่าคาโบนาร่า, โมรินางะ ลูกอมชิวชิวบอล (Chew Chew Ball) และ Under Armour Kids

สินค้าเด่นอีกตัวคือ ผ้าอนามัยเอลิส และทิชชู่เปียกเอลิแอล แบรนด์ใหม่ล่าสุดจากญี่ปุ่น ที่เน้นขายคุณภาพและมาตรฐานการผลิตด้วยเทคโนโลยีระดับสูง และ มาม่าโอเค บะหมี่แห้งสไตล์เกาหลี โดยมีจุดเด่นที่รสชาติเผ็ดร้อน เส้นบะหมี่หนานุ่มแบบบะหมี่เกาหลี ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มวัยรุ่น

อีก 2 กลยุทธ์ที่สำคัญ คือ การเสริมความสัมพันธ์กับ Strategic Partners อย่างเข้มแข็งผ่านโครงการคู่ค้าพันธมิตร โดยมีการตั้งเป้าหมายการขายรายเดือนร่วมกับร้านค้าอย่างต่อเนื่อง และเน้นการจำหน่ายสินค้าออนไลน์ โดยให้ความสำคัญกับช่องทาง B2B และ B2C ของบริษัทมากขึ้น และให้ความสำคัญกับการจำหน่ายสินค้าของบริษัทผ่านช่องทางออนไลน์ของคู่ค้า ในปี 2560 ที่ผ่านมาการขายออนไลน์ในช่องทาง B2C มียอดขาย 20 ล้านบาท ปีนี้คาดว่าจะเติบโตได้เท่าตัวที่ยอดขาย 40 ล้านบาท

เดินหน้ากิจกรรมซีเอสอาร์ต่อเนื่อง

นอกจากการดำเนินธุรกิจแล้ว ในส่วนของกิจกรรมเพื่อสังคมและโครงการประชารัฐ สหพัฒน์ยังดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ทั้งโครงการ Sahapat Admission ที่จัดทบทวนความรู้เพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัย มาตลอด 20 ปี ปีนี้จัดที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และถ่ายทอดสดผ่านสัญญาณอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ไปกว่า 1,000 โรงเรียน ครอบคลุม 77 จังหวัด รวมทั้งถ่ายทอดผ่านแฟนเพจ sahapatadmissioin จะทำให้เข้าถึงนักเรียนทั่วประเทศและขยายโอกาสการเรียนสู่พื้นที่ห่างไกล

นอกจากนี้ ยังมีโครงการ สหพัฒน์ให้น้อง ที่ส่งเสริมเด็กดี สร้างแรงบันดาลใจให้เด็กไทยทำความดี สนับสนุนนักเรียนที่มีความซื่อสัตย์ ทำประโยชน์ให้กับโรงเรียน และมีการมอบทุนให้บุตรพนักงาน เพื่อส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนได้รับการศึกษาที่ดี สามารถเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศในอนาคต อีกทั้งเป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้กับพนักงาน

อีกโครงการที่ทำเพื่อสร้างสรรค์สังคม คือสถาบันยุทธศาสตร์ธุรกิจเชิงบวก (ISAB) ซึ่งได้การตอบรับที่ดี ที่ผ่านมามีผู้บริหารองค์กร เจ้าของธุรกิจ และทายาทผู้ประกอบการ ให้ความสนใจเข้าอบรมหลักสูตร THE MASTER เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จัดมาแล้ว 3 รุ่น โดยมุ่งเน้นเรื่อง Appreciative Business เพื่อให้ผู้เข้าอบรมสามารถนำไปพัฒนา ต่อยอดให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันอยู่เสมอ ล่าสุดกำลังเปิดรับสมัคร The MASTER รุ่น 4 โดยจะอบรมระหว่างวันที่ 19 ตุลาคม 2561 – 8 กุมภาพันธ์ 2562

 

Avatar photo