รัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย กำหนดเส้นตายให้เรือสำราญ 4 ลำออกจากท่าเรือของตนภายในเที่ยงคืนวันนี้ (8 เม.ย.)
ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักงานพิทักษ์เขตแดนแห่งเครือรัฐออสเตรเลีย (Australian Border Force – ABF) ได้ปฏิเสธคำร้องของบรรดาผู้ให้บริการเรือสำราญที่ขออยู่ในน่านน้ำของออสเตรเลียต่อไป ส่งผลให้เหล่าคนงานต้องกลับไปทำหน้าที่ลูกเรือ เพื่อพาผู้โดยสารของพวกเขากลับสู่ประเทศต่างๆ ในเอเชีย
เรือส่วนใหญ่จดทะเบียนเป็นสัญชาติที่ให้บริการแบบธงสะดวก (Flag of Convenience – FOC) ในประเทศอย่าง บาฮามาส ปานามา และมอลตา แทนที่จะจดทะเบียนในเขตอำนาจศาลภาษีที่สูงกว่าเช่นออสเตรเลีย
เรือเหล่านี้ได้รับอนุญาตให้เติมเชื้อเพลิงและวัสดุต่างๆ ใหม่เมื่อวานนี้ (7 เม.ย.) ซึ่งในวันนั้น เรือส่วนใหญ่ได้ตัดสินใจออกเดินทางไปแล้วหรืออยู่ระหว่างเตรียมตัวออกเดินทาง และยังเหลือเรืออีก 4 ลำที่คาดว่าจะออกเดินทางในวันพรุ่งนี้ (9 เม.ย.)
ก่อนหน้านี้ นายไมเคิล เอาต์แทรม สมาชิกคณะกรรมการสำนักงานฯ กล่าวว่า “เราได้ทำงานสำเร็จในการให้ลูกเรือราว 13,500 คนออกไปจากน่านน้ำในออสเตรเลีย”
เรือสำราญที่มาเทียบท่ายังออสเตรเลียชุดนี้ มีส่วนอย่างมากต่อจำนวนผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ในออสเตรเลียที่สูงถึงราว 6,000 ราย โดยในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 50 ราย
ช่วงต้นสัปดาห์ เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการสอบสวนคดีอาชญากรรมเกี่ยวกับเรือ “รูบี ปรินเซส” (Ruby Princess) ซึ่งได้รับอนุญาตให้จอดที่ซิดนีย์เมื่อเดือนที่แล้ว และได้ปล่อยผู้โดยสารติดไวัสหลายร้อยคนเข้ามายังพื้นที่ชุมชนของออสเตรเลีย
เมื่อวันพุธที่แล้ว (1 เม.ย.) เรือที่จอดอยู่ทางใต้ของซิดนีย์ได้รับอนุญาตให้อยู่ต่อ ขณะที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขออกมารายงานถึงสถานการณ์การระบาดที่อาจเกิดขึ้นว่ายังอยู่ภายใต้การควบคุม ก่อนจะมีคำสั่งให้เรือเหล่านั้นออกจากน่านน้ำออสเตรเลียโดยไม่มีข้อยกเว้น
ที่มา : Xinhua Thai
- ‘ภูเก็ต’ ติดโคโรนาเพิ่ม 14 ราย ส่วนใหญ่อยู่ร้านนวด-เอี่ยวสถานบันเทิง
- ทั่วโลกติดเชื้อ ‘โควิด-19’ ถึง 1.4 แสน ‘สหรัฐ’ ทะลุ 400,000 ‘ฝรั่งเศส’ ชาติที่ 4 โลก คนดับเกินหมื่นราย
- คาดสหรัฐมียอดคนตาย ‘โควิด-19’ เฉียด 82,000 ราย ภายในต้นเดือนส.ค.