Business

‘STEC’ เล็งกวาดงานเพิ่ม 4 หมื่นล้าน ดึงพันธมิตรใหม่ลุยประมูล ‘รถไฟฟ้าสีส้ม’

“STEC” เล็งกวาดงานในมือเพิ่ม 4 หมื่นล้าน ถกพันธมิตรหน้าใหม่ลุยประมูลสัมปทาน “รถไฟฟ้าสายสีส้ม” 1.4 แสนล้าน มองบวก “สภาพเศรษฐกิจ-ไวรัสโควิด” ส่งผลดีต่อผู้รับเหมา

S 97697795

นายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC เปิดเผยว่า ในปี 2563 บริษัทคาดว่าจะมีการประมูลงานก่อสร้างของภาครัฐประมาณ 2-3 แสนล้านบาท โดย STEC ตั้งเป้าหมายว่าจะได้รับงานมือ (Backlog) เพิ่มขึ้นประมาณ 40,000 ล้านบาท

สำหรับเป้าหมาย Backlog มูลค่า 40,000 ล้านบาทนั้น นับรวมการประมูลเมกะโปรเจ็คซึ่งบริษัทยื่นข้อเสนอต่ำที่สุดและอยู่ระหว่างการเจรจาสัญญาจำนวน 3 สัญญา ได้แก่ งานดำเนินงานและบำรุงรักษา (O&M) โครงการทางพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) สายบางปะอิน-นครราชสีมา และสายบางใหญ่-กาญจนบุรี จำนวน 2 สัญญา ซึ่งอยู่ระหว่างเจรจาสัญญาและคาดว่าจะลงนามสัญญาได้ในปีนี้ อย่างไรก็ตาม งานโยธาของสัญญา O&M ทั้ง 2 ฉบับมีมูลค่าไม่มากนัก รวมกันประมาณ 5-6 พันล้านบาท

นอกจากนี้มี โครงการสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออกจำนวน 1 สัญญา ซึ่งกองทัพเรือและกลุ่มบริษัทเพิ่งเริ่มเจรจาสัญญาเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และอาจจะเจรจาจบภายในเดือนนี้ เพื่อให้ลงนามสัญญาได้ตามเป้าหมายในเดือนเมษายน 2563 เนื่องจากเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ต้องการให้ลงนามสัญญาได้โดยเร็วที่สุด แต่ขณะนี้บริษัทยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดการเจรจาได้ จนกว่าจะลงนามสัญญา เพราะเป็นเงื่อนไขในการประมูล

สำหรับกรณีที่มีผู้ยื่นประมูลรายอื่นระบุว่า โมเดลธุรกิจของบริษัทและกลุ่มพันธมิตรอาจจะไม่สามารถทำได้จริงนั้น นายภาคภูมิกล่าวว่า “เรายื่นเงื่อนไขไปตรงตามเอกสารเสนอโครงการ (RFP) ส่วนเรื่องโมเดลธุรกิจต้องรอกองทัพเรือเปิดเผยข้อมูลแล้วจะเข้าใจ โดยเราไม่ได้ยื่นข้อเสนอพิเศษไปนอกเหนือ RFP”

ทั้งนี้ โครงการสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก จะแบ่งการก่อสร้างเป็นเฟสๆ ซึ่งเฟสที่ 1 จะสามารถรองรับผู้โดยสารได้ 12 ล้านคนต่อปีและมีวงเงินงานโยธาประมาณ 2 หมื่นล้านบาท

STEC รถไฟฟ้าสายสีส้ม

STEC หาพันธมิตรเพิ่ม ประมูล “รถไฟฟ้าสายสีส้ม”

นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างหารือกับพันธมิตรรายเดิม ได้แก่ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS และบริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH ในนามกิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ (BSR Joint Venture) เพื่อเตรียมประมูลโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ตะวันตก) ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย และการเดินรถไฟฟ้าสายสีส้มตลอดสาย มูลค่ารวม 1.42 แสนล้านบาท ระยะเวลา 30 ปี ในปีนี้ ซึ่งโครงการนี้มีวงเงินลงทุนงานโยธาประมาณ 8-9 หมื่นล้านบาท

ขณะเดียวกันกลุ่ม BSR ได้เจรจากับพันธมิตรใหม่จำนวน 1-2 ราย ซึ่งเป็นพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ เพื่อให้เข้าร่วมประมูลโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม โดยพันธมิตรใหม่นี้จะเน้นการใส่เงินลงทุนเข้าในโครงการเป็นหลัก

STEC ยังตั้งเป้าหมายจะเข้าประมูลโครงการรถไฟทางคู่เฟส 2 และก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู (ส่วนต่อขยาย) ช่วงสถานีศรีรัช-เมืองทองธานี ระยะทาง 3 กิโลเมตร วงเงินงานโยธา 2.5 พันล้านบาท ซึ่งบริษัทและพันธมิตรเป็นผู้รับสัมปทาน

สำหรับกรณีที่มีกระแสข่าวเรื่องผู้ชนะการประมูลก่อสร้างทางวิ่งแห่งที่ 3 (Runway3) ในสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งไม่ใช่ STEC นั้น นายภาคภูมิกล่าวว่า การประมูลรันเวย์แห่งที่ 3 มีการแข่งขันสูง ด้วยสถานะของ STEC ตอนนี้ก็มี Backlog ที่มากพอสมควร จึงจะไม่เข้าประมูลฟันราคาแบบไม่มีกำไรแน่นอน

รถไฟฟ้า สายสีเหลือง ก่อสร้าง

นายภาคภูมิ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันบริษัทมี Backlog อยู่ประมาณ 9 หมื่นล้านบาท ซึ่งส่งผลให้บริษัทมีความมั่นคงและสามารถรับรู้รายได้ไปอีก 4 ปี เฉพาะในปี 2563 บริษัทจะรับรู้รายได้ประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 10% โดยบริษัทนับว่าโชคดี เพราะมี Backlog สูงและกำลังจะมีการลงนามสัญญาเพิ่มเติมในเร็วๆ นี้

ด้านอัตรากำไรเบื้องต้น (Gross Margin) อยู่ที่ 5-6% ลดลงจากช่วงก่อนหน้านี้ เนื่องจากการแข่งขันรุนแรงและยังมีการก่อสร้างรัฐสภาซึ่งเป็นตัวฉุด เพราะมี Margin เป็น 0% แต่บริษัทก็ได้ตั้งสำรองขาดทุนไปก่อนหน้านี้แล้วจำนวน 3,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทเตรียมยื่นหนังสือร้องเรียนถึงสำนักงานรัฐสภาอีกครั้ง เพื่อขอค่าชดเชยกรณีที่มีขยายเวลาก่อสร้างรัฐสภาออกไปประมาณ 2,000 วัน ส่งผลให้บริษัทได้รับความเสียหาย โดยข้อเรียกร้องดังกล่าวไม่รวมข้อบกพร่องที่เกิดจากบริษัทเองและยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดวงเงินค่าชดเชยได้ในขณะนี้ สำหรับการก่อสร้างรัฐสภานั้น เบื้องต้นจะแล้วเสร็จในเสร็จภายในปีนี้ ยกเว้นงานที่ให้ดำเนินการเพิ่มเติมจากสัญญา

สำหรับกรณีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นั้น เบื้องต้นส่งผลกระทบต่อบริษัทไม่มากนัก เพราะส่วนใหญ่บริษัทใช้วัสดุในประเทศและ STEC ไม่มีพันธมิตรจีนในการประมูลงานต่างๆ ขณะเดียวกันมองว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อาจทำให้คู่แข่งชาวจีนอ่อนกำลังลงด้วยซ้ำ

ส่วนสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวนั้น ส่วนตัวมองว่ารัฐบาลต้องเร่งลงทุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้างในภาพรวม

Avatar photo