General

คนไทย ติดเชื้ออีก 11 ราย เหตุร่วมสังสรรค์กับผู้ป่วยฮ่องกง กินเหล้าแก้วเดียว-สูบบุหรี่มวนเดียวกัน

คนไทย ติดเชื้อเพิ่ม 11 ราย เหตุร่วมสังสรรค์กับผู้ป่วยชาวฮ่องกง พบพฤติกรรมเสี่ยง กินเหล้าแก้วเดียวกัน และสูบบุหรี่มวนเดียวกัน ย้ำไทยยังระบาดระยะ 2 เพราะรู้ต้นตอแพร่เชื้อมาจากชาวต่างชาติ 1 ในพื้นที่เสี่ยง

883733

วันนี้ (12 มี.ค.) ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข ประกาศผู้ติดเชื้อเพิ่มเติม มีนพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมสุขภาพจิต นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงศ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และนพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัส COVID-19

โดยนพ.สุุขุม กล่าวว่า พบผู้ป่วยไวรัส COVID-19 เพิ่ม 11 ราย เป็นคนไทย อายุ 25 – 38 ปี เป็นการค้นพบจากการขยายการคัดกรองการป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจเป็นกลุ่มก้อน และมีผู้ป่วยรักษาหายกลับบ้านได้ 1 ราย สรุปผู้ป่วยยืนยันรักษาหายกลับบ้านแล้ว 35 ราย ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 34 ราย เสียชีวิต 1 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 70 ราย สำหรับผู้ป่วยอาการหนัก 1 ราย ที่สถาบันบำราศนราดูร ยังต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด

สำหรับผู้ติดเชื้อใหม่ ต้นทางได้รับรายงานผู้ป่วยจากโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร ให้ประวัติว่า เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 ได้พบปะกลุ่มเพื่อนนักท่องเที่ยวชาวฮ่องกงที่มาเที่ยวเมืองไทย หลังจากนั้น 4 วัน (วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2563) เริ่มป่วยด้วยอาการไข้ หนาวสั่น ปวดศีรษะ ไอ

ในขณะที่มีอาการป่วยอยู่นั้นได้นัดสังสรรค์กับเพื่อนสนิทอีก 2 ครั้ง (วันที่ 27 และ 29 กุมภาพันธ์ 2563) โดยมีพฤติกรรมดื่มสุราแก้วเดียวกัน สูบบุหรี่มวนเดียวกัน หลังจากนั้นในวันที่ 4 มีนาคม 2563 ผู้ร่วมสังสรรค์เริ่มทยอยป่วย 7 คนเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล โดยตรวจพบการติดเชื้อ 11 คนจากทั้งหมด 15 คน (รวมผู้ป่วย) เป็นชาย 5 คน หญิง 6 คน ช่วงอายุ 25 – 38 ปี

ในจำนวนนี้มี 4 คนที่ไม่ป่วยเเละไม่ติดเชื้อ ทั้งหมดให้ประวัติว่า ไม่ได้ดื่มเหล้า เเละสูบบุหรี่ร่วมกับกลุ่มเพื่อน กระทรวงสาธารณสุข ได้ติดตามครอบครัวและเพื่อนที่ไม่ได้ร่วมกลุ่มสังสรรค์เบื้องต้น 70 คน ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการครั้งแรกไม่พบเชื้อ จึงไม่พบหลักฐานว่าเกิด super spreading เนื่องจากเป็นการติดเชื้อในกลุ่มเพื่อนสนิทที่ร่วมวงสังสรรค์ ยังไม่ออกนอกกลุ่ม

กรณีการป่วยเป็นกลุ่มก้อนครั้งนี้ เป็นบทเรียนที่สำคัญของคนไทยหลายประการ คือ

1.หากป่วยแล้วไม่กักตัว ส่งผลกระทบคนใกล้ชิดและครอบครัวติดเชื้อ

2. ในสถานการณ์โรคระบาด มาตรการ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ ล้างมือ/ ไม่ใช้ของร่วมกับผู้อื่น เป็นสิ่งสำคัญมาก

3. เมื่อเจ็บป่วยต้องพักอยู่กับบ้าน ลดความเสี่ยงของผู้อื่นและสังคม เราจะป้องกันและชะลอเฟส 3 ได้

หากทุกคนร่วมมือร่วมใจกัน ความปลอดภัยและสุขภาพคือสิ่งสำคัญอันดับแรก ทั้งนี้หากพบอาการป่วยอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่จำนวนหลายคนในช่วงเวลา 1-2 สัปดาห์ ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและพบแพทย์ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422

“ชาวฮ่องกงท่านนี้มาก่อนประกาศ 4 ประเทศเป็นเขตโรคติดต่ออันตราย  แต่กรณีเป็นตัวอย่าง ว่าทำไมเราต้องประกาศเขต ให้ผู้ที่เดินทางมาจากประเทศเสี่ยงต้องปฏิบัติตัวอย่างไร “

นพ.โสภณ กล่าวเพิ่มเติมว่า เราได้ติดตามแล้ว ยังไม่พบเชื้อกับผู้เกี่ยวข้อง แต่ต้องเฝ้าระวังต่อไปจนครบ 14 วัน

นพ.สุขุม ย้ำว่า สิ่งทีย้ำเตือนมาตลอด ซึ่งมีความสำคัญมาก คือ กินร้อนช้อนกลาง ผู้ที่เดินทางมาจากประเทศเสี่ยงต้องกักตัวเอง 14 วัน แต่กรณีชาวฮ่องกง ไปพบเพื่อนขณะที่ป่วย และมีพฤติกรรมที่ทำให้ติดต่อเป็นกลุ่มเป็นกับคนไทยรวม 11 คน จากการสังสรรค์ใกล้ชิดผู้ป่วยในที่แคบ ดื่มเหล้าแก้วเดียวกัน สูบบุหรี่มวนเดียวกัน ไม่พักผ่อน อยู่ดึก ขณะที่เพื่อนอีก 4 คน ไม่ป่วย เพราะไม่ดื่มเหล้า และสูบบุหรี่มวนเดียวกัน

นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ไทยยังอยู่ในการระบาดระยะที่ 2 แม้เราจะเจอเป็นกลุ่มก้อน แต่รู้ว่าติดมาจากใคร คือ ติดจากชาวประเทศ รู้วิธีการติด คือ ใช้ของร่วมกัน และไม่หลุดออกนอกวง คือ ติดเชื้อเฉพาะผู้สัมผัสใกล้ชิด

สำหรับยอดผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคต้องเฝ้าระวัง ตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม – 11 มีนาคม 2563 สะสมทั้งหมด 5,232 ราย คัดกรองจากทุกด่าน 219 ราย มารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอง 5,013 ราย อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วและอยู่ระหว่างติดตามอาการ 3,865 ราย ส่วนใหญ่เป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ยังคงรักษาในโรงพยาบาล 1,367 ราย

ทางด้านสถานการณ์ทั่วโลกใน 121 ประเทศ 2 เขตบริหารพิเศษ 1 เรือสำราญ ข้อมูลตั้งแต่ 5 มกราคม – 12 มีนาคม 2563 (07.00 น.) พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อจำนวน 121,996 ราย เสียชีวิต 4,390 ราย ส่วนประเทศจีนพบผู้ป่วย 80,790 ราย เสียชีวิต 3,158 ราย

12 มี.ค. 63

 

Avatar photo