อุตสาหกรรมค้าปลีกเป็นอีกหนึ่งภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบรอบด้าน ส่งผลให้ในปี 2562 ที่ผ่านมา ภาพรวมทั้งอุตสาหกรรมเติบโตเพียง 2.8% คิดเป็นมูลค่า 3.8 ล้านล้านบาท
ขณะที่ในปี 2563 นี้ ก็ยังคาดการณ์ว่า สถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น เพราะเพียงต้นปีที่ผ่านมาต้องเผชิญปัจจัยลบหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นภาพรวมเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้่นตัว กำลังซื้อผู้บริโภคไม่กระเตื้อง ตลอดจนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนาที่กระทบชิ่งธุรกิจค้าปลีกอย่างยากจะหลีกเลี่ยง
ทั้งหมดนี่้ บีบรัดให้ผู้ประกอบการต้องเร่งปรับตัว เพื่อกระตุ้นยอดขายและรับมือกับการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงต่อเนื่องทุกนาที
ดังนั้น จึงได้เห็นการปรับตัวของธุรกิจคอนวีเนียนสโตร์ ที่มีขาใหญ่อย่างเซเว่นอีเลฟเว่นครองแชมป์ โดยที่ผ่านมา เซเว่นอีเลฟเว่นมีการปรับตำแหน่งทางการตลาดจากร้านสะดวกซื้อ เป็นอิ่มสะดวก และก้าวย่างใหม่ล่าสุดของเซเว่นอีเลฟเว่นในวันนี้คือ การเพิ่มบริการต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้ายุคใหม่ ภายใต้แพลตฟอร์ม “All Service” ที่รวมทุกบริการ ไม่ว่าจะเป็น ซัก อบ รีด, พรินต์เอกสาร ขายมือถือ, เอเย่นต์แบงกิ้ง ไปจนถึงบริการเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ
เซเว่นอีเลฟเว่นได้เริ่มชิมลางทดลองให้บริการ “ALL Service” ที่รวบรวมทุกบริการมาไว้บนแพลตฟอร์มเดียว เพื่อให้ครบ จบในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็น บริการขนส่งพัสดุ สปีด-ดี, ซื้อ พ.ร.บ.-ต่อภาษีรถยนต์และจักรยานยนต์, ชำระบิล, ขายตั๋วคอนเสิร์ต-กีฬา-เดินทาง, ซัก อบ รีด, ฝากถอนเงิน และบริการล่าสุดอย่างร้านสะดวกซัก 24 ชั่วโมง “ออลลอนดรี้ บาย อ๊อตเทริ” จากการร่วมมือกับแฟรนไชส์ร้านสะดวกซักอ๊อตเทริ โดยเริ่มสาขาแรกที่สิรินธร ซอย 5
ไม่เพียงแต่เจ้าตลาดที่ต้องปรับตัวเท่านั้น เพราะมวยรองอย่าง ท็อปส์เดลี่ และแฟมิลี่มาร์ท ก็ได้ลุกขึ้นมาพัฒนาบริการใหม่เช่นกัน โดยล่าสุดได้ผุดบริการเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ ที่ “ซัก-อบ-ช้อป” จบที่เดียว ตลอด 24 ชม.
นายสเตฟาน คูม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล กรุ๊ป ผู้บริหาร ท็อปส์เดลี่ และ แฟมิลี่มาร์ท กล่าวว่า คอนวีเนี่ยนสโตร์ยุคใหม่ นอกจากชูจุดแข็งด้านร้านสะดวกซื้อที่มีสินค้าหลากหลายแล้ว ยังต้องสามารถเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น โดยเฉพาะการสร้างบรรยากาศและบริการภายในร้าน
จากแนวโน้มดังกล่าว ทำให้นับจากนี้ ท็อปส์ เดลี่ และ แฟมิลี่มาร์ท จะเป็นมากกว่าร้านสะดวกซื้อ แต่ต้องเป็น “Third Place” ที่ลูกค้าสามารถมาใช้บริการได้หลากหลายในเวลาเดียวกัน โดยเริ่มจากการเปิดตัวบริการสะดวกซัก “เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ” เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ของคนในปัจจุบันที่ใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบ ต้องการใช้เวลาอย่างคุ้มค่า รวมถึงกลุ่มคนที่ไม่ชอบซื้อทรัพย์สินขนาดใหญ่ที่ต้องลงทุนมาก
นอกจากนี้ยังเป็นการปลดล็อคข้อจำกัดเรื่องพื้นที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะผู้ที่อยู่คอนโด อพาร์ทเมนท์ ประกอบกับการเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้เลือกเวลาใช้บริการได้ตามสะดวก
ทั้งนี้ เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล ได้จับมือกับ 3 พาร์ทเนอร์ ซึ่งถือเป็นผู้นำด้านธุรกิจสะดวกซัก 24 ชั่วโมง ได้แก่ Clean Pro Express (คลีนโปรเอ็กซเพรส), The M Soul Laundromate (เดอะ เอ็ม โซล ลอนโดรเมท) และ Otteri wash & dry (อ๊อตเทริ วอช แอนด์ ดราย) ซึ่งมีจุดเด่นที่เครื่องซักผ้ามีความทันสมัย ใช้งานง่าย ประหยัดเงิน สะดวกรวดเร็ว ซักสะอาด อุปกรณ์ได้รับการฆ่าเชื้อและมีพนักงานทำความสะอาดทุกวัน มีระบบรักษาความปลอดภัยด้วยกล้องวงจรปิด มีพื้นที่นั่งรอ และฟรีไวไฟ
ขณะเดียวกันระหว่างการรอ ลูกค้าสามาถใช้เวลากับการช้อปปิ้งสินค้า ดื่มกาแฟในร้าน แฟมิลี่มาร์ท และท็อปส์เดลี่ โดยปัจจุบันนำร่องเปิดให้บริการที่แฟมิลี่มาร์ท 4 สาขา ในกรุงเทพและพัทยา ได้แก่ สาขาประชาราษฎร์บำเพ็ญ 11, รามอินทรา ซอย 34, พัทยาสราญชล ซอย 2, นาจอมเทียน ซอย 2 สำหรับค่าบริการซัก และอบ เริ่มต้นที่ 40 บาท
ขณะเดียวกันในอนาคต ท็อปส์ เดลี่ และแฟมิลี่มาร์ท ยังมีแผนขยายบริการเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ ซัก-อบ จบที่เดียว ตลอด 24 ชม.เพิ่มอีกกว่า 20 สาขา ทั้งที่กรุงเทพฯ พัทยา สมุย ขอนแก่น เพื่อรองรับความต้องการและการขยายตัวของผู้บริโภค
“ภาพรวมของธุรกิจเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญยังมีความคึกคัก และคาดว่าจะมีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การใช้จุดแข็งในด้านทำเลของร้านค้าปลีกอย่างแฟมิลี่มาร์ท และท็อปส์เดลี่ ทำให้ธุรกิจสะดวกซักสามารถขยายสาขาได้อย่างรวดเร็วในทำเลที่เหมาะสม ขณะเดียวกัน ร้านค้าปลีกก็จะได้ลูกค้าเพิ่มมากขึ้น ลูกค้าเองก็สามารถใช้เวลาได้อย่างคุ้มค่า ถือเป็นโมเดลธุรกิจที่วินวินทุกฝ่าย”นายคูม กล่าว
จะเห็นได้ว่า ผู้ประกอบการคอนวีเนียนสโตร์ทุกราย ต่างพยายามพัฒนาบริการใหม่ๆ เพื่อเข้ามารองรับไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปของลูกค้า รวมทั้งมุ่งสร้างความแตกต่าง เพื่อดึงดูดใจลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มรายได้จากบริการใหม่ๆ และยังช่วยเพิ่มยอดขายสินค้าในร้านได้อีกด้วย ดังนั้น เชื่อแน่ว่านับจากนี้ไป จะได้เห็นบริการใหม่ๆ ว๊าวๆ ที่ไม่คิดว่าจะมีในร้านสะดวกซื้อเกิดขึ้นตามมากอีกมากแน่นอน
เพราะไม่ว่าสภาพการตลาดจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร หัวใจหลักของธุรกิจยังคงอยู่ที่ความต้องการของลูกค้าเป็นหลักนั่นเอง
