COLUMNISTS

ไขมันทรานส์…เขย่าหุ้นอาหาร!!

Avatar photo
EcoIndy คิดต่างสร้างสรรค์
269

ในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา…ข่าวคราวครึกโครมที่ส่งผลกระทบ “หุ้นกลุ่มอาหาร” คงหนีไม่พ้นประกาศของกระทรวงสาธารณสุข เรื่องประกาศห้ามผลิต นำเข้า จำหน่าย อาหารที่มีส่วนที่มีน้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วนเป็นส่วนประกอบ “ไขมันทรานส์” (Trans Fat) เหตุเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ

127562

โดยประกาศห้ามใช้ดังกล่าว จะมีผลบังคับใช้เมื่อพ้นกำหนด 180 วัน นับจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา

อดสงสัยไม่ได้ว่า “ไขมันทรานส์” คืออะไร

ไขมันทรานส์ (trans fat) เป็นหนึ่งในประเภทของไขมันทั้งหมดที่มีอยู่ด้วยกัน 3 ประเภทคือ ไขมันอิ่มตัว ไขมันไม่อิ่มตัว และไขมันทรานส์ ที่มีส่วนประกอบหลักคือ กรดไขมันไม่อิ่มตัวที่มีโครงสร้างชนิดทรานส์ พบได้เล็กน้อยจากไขมันในเนื้อสัตว์ และนม

แต่ส่วนใหญ่ไขมันทรานส์จะเป็นไขมันที่ได้จากการสังเคราะห์ระหว่างกระบวนการผลิตอาหาร โดยการเติม “ไฮโดรเจน” เข้าไปในน้ำมันพืช เพื่อทำให้น้ำมันพืชแข็งตัวมากขึ้น และทำให้ไขมันที่ได้ดังกล่าวช่วยยืดอายุของอาหารได้มากขึ้น และเพิ่มความคงตัวของรสชาติอาหารได้

และที่สำคัญคือ “ไขมันทรานส์” ยังมีราคาถูกกว่าไขมันทั่วไป

ดังนั้นวงการอุตสาหกรรม หรือผู้ประกอบการต่างๆ จึงนิยมใช้อาหาร หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ “ไขมันทรานส์” มาประกอบอาหาร

แล้วส่งผลกระทบกับหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ ตัวไหนบ้าง???

ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัด (มหาชน) มองว่า ผู้ประกอบการที่กระทบจากการห้ามใช้ไขมันทรานส์ ต้องปรับเปลี่ยนสูตรการผลิตอาหาร ซึ่งจะกระทบต้นทุนการผลิต และอัตราการทำกำไร

ส่วนจะกระทบมากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับโครงสร้างต้นทุนการผลิตของแต่ละราย

จากการสำรวจบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ พบว่า มีหลายบริษัทที่ผลิตและจำหน่ายขนมปังหรือเบเกอรี่ เช่น PB มีรายได้หลักจากขายเบเกอรี่ 90% ของยอดขาย SNP รายได้จากเบเกอรี่ 42% ตามด้วย AU, CENTEL และ MINT

AU เป็นร้านเบเกอรี่ Premium วัตถุดิบที่ใช้ในเบเกอรี่ส่วนใหญ่ เช่น ขนมปังโทสต์ หรือเค้ก ไม่น่าใช้มาการีน หรือส่วนผสมที่เป็นไขมันทรานส์ ยกเว้นไอศกรีมบางรสชาติ ที่ผสมครีมเทียม แต่สัดส่วนรายได้ไม่ถึง 10-20% ของรายได้รวม แนะนำ “switch” ราคาเหมาะสม 11 บาท

CENTEL อาหารที่กระทบคือ Mister Donut มีส่วนผสมไขมันทรานส์ ขณะที่ KFC และ Auntie Anne’s ยืนยันล่าสุดว่าอาหารปราศจากไขมันทรานส์ ทั้งนี้ ส่วนของขนมมีต้นทุนจากการใช้มาการีน 3-4% ของต้นทุนรวม จึงกระทบกำไรไม่มาก โดยรายได้จาก Mister Donut คิดเป็น 8% ของรายได้รวม และกำไรมีสัดส่วนไม่เกิน 5% ของกำไรรวม แนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 56 บาท

MINT บริษัทไม่เปิดเผยข้อมูลต้นทุนวัตถุดิบที่ชัดเจน แต่บริษัทมีโรงงานผลิตชีสของตัวเอง ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับไขมันทรานส์ รวมถึงมี outsource จากภายนอก โดยร้านอาหารและขนมที่คาดกระทบได้แก่ Dairy Queen, Swensen’s, Pizza Company และ Breadtalk มีสัดส่วนรายได้ราว 15% ของรายได้รวมและกำไรสัดส่วนไม่เกิน 10% ของกำไรรวม แนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 51 บาท

นอกจากนี้ ฝ่ายวิจัยบล.เอเซียพลัส ยังได้สอบถามไปยัง CENTEL, MINT และ AU ได้รับคำตอบว่า การห้ามใช้ไขมันทรานส์ น่าจะกระทบกำไรเล็กน้อย และแต่ละรายมีแนวทางในการปรับสูตรให้ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งหากต้นทุนสูงขึ้นก็สามารถผลักภาระไปยังผู้บริโภค โดยการขึ้นราคาขาย หรือคงราคาเดิม แต่ปรับลดขนาดและปริมาณลง

ขณะที่ราคาหุ้นกลุ่มอาหารที่ได้รับผลกระทบจาก พ.ร.บ.ไขมันทรานส์ ปรับตัวลดลงทันทีหลังมีข่าวออกมาเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา เมื่อเปรียบเทียบกับราคาปิดเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2561

34

แน่นอนว่าผลกระทบระยะสั้น…ราคาหุ้นกลุ่มอาหารปรับตัวลดลง จากประกาศห้ามที่จะมีผลหลังจากออกประกาศ 180 วัน และทำให้ผู้บริโภค ได้รู้จัก “ไขมันทรานส์” ว่ามีผลร้าย ทำลายสุขภาพอย่างไร

ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องปรับสูตรใหม่ และสุดท้ายก็ผลักภาระต้นทุนมาที่ผู้บริโภคแน่นอน ซึ่งทำให้เห็นว่าราคาหุ้นกลุ่มอาหารที่ทรุดตัวลง หลังประกาศ สุดท้ายก็เด้งกลับในเวลาต่อมานั่นเอง