Media

‘เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์’ ลุยครบ 77 จังหวัด-ส่งออกหนังไทยไปจีน ‘ตลาดยุทธศาสตร์’

เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป เปิดวิสัยทัศน์ ‘เมเจอร์ 5.0’ หลังครบรอบ 25 ปี วาดเป้าหมายปี 2568 เปิดโรงหนังในไทยครบ 77 จังหวัด พร้อมเดินหน้าพัฒนาหนังไทย อ้าแขนรับพันธมิตรทุกรูปแบบ หวังส่งออกหนังไทยเจาะตลาดจีน ภายใต้โครงการร่วมทุนหลบช่องจำกัดโควต้าหนังต่างประเทศฉายในจีน

นายวิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลัวจากครบรอบ 25 ปีของเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ได้วางวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจนับจากนี้ ผ่านนโยบาย เมเจอร์ 5.0 ที่มุ่งเน้นการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ทันสมัยเข้ามาเติมเต็มในการให้บริการมากขึ้น โดยในปี 2563 จะนำเอาเทคโนโลยีล่าสุดของการฉายภาพยนตร์ด้วยระบบ GIANT LASER SCREEN หรือ GLS จากแบรนด์ระดับโลกอย่าง Christie มาใช้

วิชา พูลวรลักษณ์2

ทั้งนี้ จะทะยอยเปิดให้บริการโรงภาพยนตร์ GLS ใน 6 สาขา คือ เอสพลานาด ซีนีเพล็กซ์ งามวงศ์วาน-แคราย, เมกา ซีนีเพล็กซ์, พรอมานาด ซีนีเพล็กซ์, เมเจอร์ ซีนีมา บางแค, เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รังสิต และ โคราช ซีนีเพล็กซ์

พร้อมกันนี้ จะเดินหน้าลงทุนขยายโรงภาพยนตร์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่จะมีโรงภาพยนตร์ในทุกจังหวัดครบ 77 จังหวัดทั่วประเทศไทยภายในปี 2568 และรวมกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี รวม 1,200 โรงจากปัจจุบัน เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป มีโรงภาพยนตร์อยู่ใน 60 จังหวัด เข้าถึงในระดับอำเภอและตำบล ซึ่งในปี 2563 ตั้งเป้าลงทุนขยายสาขาเพิ่มอย่างต่อเนื่องอีก 30 โรง ขณะที่ในสิ้นปี 2562 เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จะมีสาขารวมทั้งสิ้น 169 สาขา 810 โรง 183,958 ที่นั่ง ในจำนวนนี้เป็นสาขาในต่างประเทศ 8 สาขา 39 โรง 8,449 ที่นั่ง

S 69738606

อีกยุทธศาสตร์สำคัญที่จะให้ความสำคัญเป็นหนึ่งในหัวใจหลักสร้างการเติบโตของบริษัทคือ การยกระดับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยให้ได้มาตรฐานเป็น Tollywood (Thailand+Hollywood)
เพื่อสร้างความภาคภูมิใจให้คนไทยทั้งประเทศ พร้อมผลักดันส่งภาพยนตร์ไทยออกขายไปยังตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศเป้าหมายหลัก คือ จีน และกลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ พม่า, เวียดนาม, กัมพูชา, ลาว, อินโดนีเซีย, สิงคโปร์, มาเลเซีย, บรูไน, ฟิลิปปินส์

ขณะเดียวกัน ยังเปิดกว้างรับพันธมิตรในทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจสื่อ ธุรกิจบันเทิง ผู้สร้าง ฯลฯ เพื่อสร้างภาพยนตร์ไทยให้ที่มีมาตรฐานออกสู่ตลาดมากขึ้น รวมถึงมองการเพิ่มโอกาสส่งออกหนังไทยไปฉายต่างประเทศ ขณะที่ในประเทศจีน เมเจอร์ฯได้เริ่มเข้าไปร่วมทุนกับบริษัทในจีน เพื่อผลิตหนังสำหรับไปเจาะตลาดจีน เนื่องจากการร่วมทุนทำให้สามารถส่งออกหนังไปฉายในจีนได้โดยไม่ถูกควบคุมโควต้าหนังจากต่างประเทศที่จะเข้าไปฉายในจีน

วิชา พูลวรลักษณ์1

“จีนจำกัดโควต้าหนังจากต่างประเทศเข้าไปฉายในประเทศจีนปีละไม่เกิน 35 เรื่อง แต่โรงหนังในประเทศจีนมีมากกว่า 70,000 โรง ซึ่งถือเป็นโอกาสของหนังไทย โดยจะเริ่มส่งเรื่องแรกเข้าฉายประมาณต้นปี 2563 นี้ ส่วนการขยายตลาดต่างจังหวัดก็จะเป็นโอกาสของหนังไทยที่จะทำรายได่้มากขึ้นด้วยการขยายไปยังผู้ชมต่างจังหวัดได้ทั่วประเทศ”นายวิชากล่าว

สำหรับรายได้ใน 9 เดือนแรกของปีนี้ มีรายได้จากการจำหน่ายตั๋วหนัง 4,392 ล้านบาท, รายได้จากการจำหน่ายป๊อปคอร์น เครื่องดื่ม 1,500 ล้านบาท และรายได้จากโฆษณาในโรงหนัง 1,100 ล้านบาท โดยปีนี้ทั้งปีคาดว่าจะมีอัตราการเติบโต 19% ขณะที่อุตสาหกรรมโรงหนังโดยรวมคาดโตที่ 15% และในปี 2568 หลังจากขยายโรงหนังได้ครบทุกจังหวัด คาดว่าจะส่งผลให้รายได้จากการจำหน่ายตั๋วหนังเติบโตมากกว่าเท่าตัว หรือมากกว่า 12,000 ล้านบาทต่อปี

S 69738598

นายวิชากล่าวว่า เมเจอร์ฯ ยังให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม ภายใต้นโยบาย “Green Cinema” ใน 2 ส่วนหลัก คือการ ลด ละ เลิกใช้ พลาสติก และรณรงค์การแยกประเภทขยะ ซึ่งนำร่องไปตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2562 ที่ผ่านมา ด้วยการเริ่มงดใช้หลอดพลาสติกซึ่งเป็นขยะฟุ่มเฟือยใช้ครั้งเดียวทิ้งและยากต่อการย่อยสลาย ที่ โรงภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป สาขาในกรุงเทพฯและปริมณฑลและเรื่องของการประหยัดพลังงาน  Energy Saving เช่นการติดตั้งโซลาร์รูฟที่โรงภาพยนตร์ในหลายสาขา

Avatar photo