ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับตัวสูงขึ้นเป็นส่วนใหญ่ในการซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (12 ก.ย.) ท่ามกลางความหวังถึงการคลี่คลายความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีน กับสหรัฐ และการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะเริ่มต้นดำเนินมาตรการผ่อนคลายทางการเงิน
ดัชนีนิกเคอิ ตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ญี่ปุ่น เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 21,779.61จุด เพิ่มขึ้น 181.85 จุด หรือ 0.84% ดัชนีฮั่งเส็งของฮ่องกงลดลง 112.85 จุด หรือ 0.42% ที่ 27,046.21 จุด ดัชนีคอมโพสิตเซี่ยงไฮ้ ของจีน บวก 2.81 จุด หรือ 0.09% ที่ 3,011.62 จุด และดัชนีสเตรทไทมส์ สิงคโปร์ ลดลง 8.09 จุด หรือ 0.25% ที่ 3,196.43 จุด
ขณะที่ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ของสหรัฐ ปิดซื้อขายเมื่อคืนนี้ (11 ก.ย.)ที่ 27,137.04 จุด เพิ่มขึ้น 227.61 จุด หรือ 0.85% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,000.93 จุด เพิ่มขึ้น 21.54 จุด หรือ 0.72% และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 8,169.68 จุด เพิ่มขึ้น 85.52 จุด หรือ 1.06%
นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากรัฐบาลจีนเปิดเผยรายชื่อสินค้าของสหรัฐที่ได้รับการยกเว้นการขึ้นภาษีนำเข้า ก่อนที่การเจรจาการค้าระหว่างสองประเทศจะเปิดฉากขึ้นในเดือนหน้า ทั้งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังเห็นพ้องที่จะเลื่อนการขึ้นภาษีเพิ่มเติมต่อสินค้านำเข้าจากจีนออกไปอีก 2 สัปดาห์ ตามคำร้องขอจากนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน “เพื่อแสดงให้เห็นถึงความปรารถนาดี”
อย่างไรก็ดี นักวิเคราห์บางรายมองว่า แม้ท่าทีล่าสุดของทรัมป์จะช่วยหนุนความรู้สึกในตลาด แต่ความรู้สึกดังกล่าวก็อาจจะหายไปในวันพรุ่งนี้
บรรดานักลงทุนยังรอการประชุมอีซีบีในวันนี้ เพื่อดูว่า เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบาย จะตัดสินใจผ่อนคลายนโยบายมากน้อยเท่าใด เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เมื่อพิจารณาจากความเสี่ยงในเรื่องเบร็กซิท
ทางด้านราคาน้ำมันดิบสหรัฐ ซื้อขายในตลาดเอเชียเช้าวันนี้ ฟื้นตัวขึ้นมา 0.77% มาอยู่ที่ 56.18 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากความหวังว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) จะลดเพดานผลิต เพื่อสนับสนุนราคา หลังจากเมื่อคืนนี้ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสอินเตอร์มีเดียท กำหนดส่งมอบเดือนตุลาคม ในตลาดไนเม็กซ์ ปิดซื้อขายร่วงลง 1.65 ดอลลาร์ หรือ 2.9% ที่ 55.75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากรายงานข่าวที่ว่า ประธานาธิบดีทรัมป์เตรียมผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน เพื่อหวังปูทางไปสู่การพบปะกับประธานาธิบดีฮัสซัน รูฮานี ผู้นำอิหร่าน
