นายวิบูลย์ ฤกษ์ศิระทัย ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวถึงแนวทางการบริหาร กฟผ. ว่ามุ่งมั่นจะขับเคลื่อนให้ กฟผ. เป็นองค์กรหลักในการรักษาความมั่นคงในระบบไฟฟ้า ด้วยการนำนวัตกรรมทางเทคโนโลยี และวิธีทำงานใหม่ๆ มาปรับใช้
นายวิบูลย์ ยอมรับว่าปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงทางสังคม และเทคโนโลยีเกิดขึ้นเร็ว ทำให้องค์กรต่างๆ รวมถึง กฟผ. ต้องเปลี่ยนวิธีการทำงานให้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลง
ด้านสังคม กฟผ.จะปรับวิธีสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชน ต่อโครงการต่างๆในรูปแบบใหม่ ขณะนี้ได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแล้ว โดยมุ่งให้ชุมชนมีส่วนร่วมตั้งแต่ต้น ด้วยการสื่อสารสองทางให้ความรู้ สร้างความเข้าใจกับชุมชน และสังคม ให้ได้ข้อมูลโครงการทุกประเด็น ทั้งข้อดีและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นอย่างเปิดเผย โปร่งใส สามารถซักถามแสดงความคิดเห็นได้โดยตรง
โดยให้ใช้สิทธิชุมชนตามกฎหมายเต็มที่ มีส่วนร่วมในการตัดสินใจเพื่อนำไปสู่ข้อตกลงร่วมของชุมชนที่ชัดเจนก่อนจะทำการศึกษา EIA -EHIA เชื่อว่าหากชุมชนยอมรับตั้งแต่ต้น จะทำให้ดำเนินโครงการต่างๆ ตาม PDP ได้ประสบความสำเร็จ
สำหรับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว (Disruptive Technology) ทำให้พลังงานหมุนเวียนเข้ามา มีบทบาทมากขึ้น กฟผ. จะพัฒนาโครงการต่างๆ เพื่อให้การเพิ่มขึ้นของพลังงานหมุนเวียนเป็นไปอย่างราบรื่น เช่น พัฒนาโครงการระบบส่งไฟฟ้ารองรับพลังงานหมุนเวียนตามแผน PDP ให้แล้วเสร็จตามกำหนด พัฒนาระบบส่งไฟฟ้าเชื่อมโยงภูมิภาคต่างๆ ให้เข้มแข็ง พัฒนาระบบโครงข่ายสมาร์ทกริดให้การผลิตและจ่ายพลังงานไฟฟ้ามีเสถียรภาพ พัฒนาระบบกักเก็บพลังงาน รวมถึงจะนำงานวิจัยและพัฒนานวัตกรรมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพระบบผลิตและส่งไฟฟ้า และลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานมาใช้ ต่อยอดนวัตกรรมเดิมที่ประสบความสำเร็จแล้วมาสร้างเป็นธุรกิจใหม่ๆ ควบคู่กันไป
ทั้งนี้ กฟผ. ไม่ได้มองเพียงมิติขององค์กรเท่านั้น แต่พร้อมส่งเสริมงานวิจัยและพัฒนานวัตกรรมที่สร้างคุณค่าให้ประเทศและสังคมโดยรวม สนับสนุนให้พนักงาน รวมถึงหน่วยงานและบุคคลภายนอก ทำการวิจัยพัฒนานวัตกรรมด้านอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับพลังงานด้วย เพื่อให้เกิดสังคมแห่งการเรียนรู้พัฒนาประเทศอย่างไม่หยุดยั้ง
นายวิบูลย์ กล่าวว่าท่ามกลางความท้าทายในยุคเทคโนโลยีเปลี่ยนโลก กฟผ.จะไม่เดินเพียงลำพัง แต่จะแสวงหาพันธมิตรในการก้าวไปข้างหน้าร่วมกัน เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ที่ต้องการให้หน่วยงานต่างๆ บูรณาการการใช้ทรัพยากรให้เกิดมูลค่าเพิ่มกับประเทศ ซึ่งกฟผ. มีความเชี่ยวชาญด้านการผลิตไฟฟ้าและบริหารจัดการพลังงาน
โดยแสวงหาพันธมิตรที่เชี่ยวชาญด้านอื่นๆ มาร่วมกัน เช่น การบูรณาการด้านดิจิทัลและพลังงานร่วมกับ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) การแสวงหาโอกาสเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานร่วมกับ บมจ.ปตท. การนำโครงการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมและสิ่งประดิษฐ์ไปต่อยอดเชิงพาณิชย์ร่วมกับสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ตลอดจนการสร้างการเติบโตผ่านบริษัทในกลุ่ม กฟผ. เป็นต้น
“กฟผ. พร้อมนำนวัตกรรมและวิธีการดำเนินงานใหม่ๆ มาใช้พัฒนาองค์กรในทุกด้าน เพื่อให้กฟผ.เป็นองค์กรหลักในการสร้างความมั่นคงให้กับระบบไฟฟ้าของประเทศ ตามวิสัยทัศน์ของ กฟผ. คือ นวัตกรรมพลังงานไฟฟ้าเพื่อชีวิตที่ดีกว่า Innovate Power Solutions for a Better Life” ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าว
