วีซ่า เผยคนไทยส่วนใหญ่สนับสนุนการชำระค่าโดยสารรถขนส่งสาธารณะด้วยบัตรเครดิตในกระเป๋าสตางค์
จากการสำรวจเกี่ยวกับการศึกษาเรื่องทัศนคติการชำระเงินของผู้บริโภคของวีซ่า (Visa Consumer Payment Attitudes Survey) โดยศึกษาถึงทัศนคติ และพฤติกรรมการชำระเงินระบบอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงเทรนด์การใช้จ่ายสำคัญของผู้บริโภคจากผู้ตอบแบบสอบถามกว่า 4,000 คน จากแปดประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งรวมถึงผู้ตอบแบบสอบถามกว่า 500 คนจากประเทศไทยพบว่า 64% ของคนไทย ต้องการชำระเงินค่าโดยสารรถขนส่งสาธารณะผ่านบัตรเครดิตและบัตรเดบิตของตนเอง และ 67% ของผู้ตอบแบบสอบถามต้องการใช้บัตรคอนแทคเลส หรือ การชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือในการชำระค่าโดยสารฯ อีกด้วย
นายสุริพงษ์ ตันติยานนท์ ผู้จัดการวีซ่า ประจำประเทศไทย กล่าวว่า วีซ่าได้ร่วมมือกับกว่า 120 หัวเมืองหลักทั่วโลกในการวางระบบการชำระเงินแบบเปิด (Open-loop payment) สำหรับการขนส่งสาธารณะ ซึ่งจะเห็นได้ว่ามหานครขนาดใหญ่ อย่าง ลอนดอน นิวยอร์ค สิงคโปร์ และ ซิดนีย์ ได้เปลี่ยนจากการใช้เงินสดในการชำระเงินค่าขนส่งสาธารณะ มาเป็นการชำระเงินในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะช่วยให้ผู้โดยสารได้รับประสบการณ์ที่ดีจากการเคลื่อนที่จากจุดหนึ่ง ไปยังจุดหนึ่งได้อย่างรวดเร็วและสะดวกยิ่งขึ้น
ขณะเดียวกัน ผู้ให้บริการด้านขนส่งมวลชนที่ใช้รูปแบบการชำระเงินระบบเปิด ยังสามารถลดต้นทุนในการดำเนินงาน ยกระดับประสบการณ์การเดินทางให้แก่ผู้โดยสาร รวมไปถึงการช่วยเพิ่มจำนวนผู้โดยสารได้อีกด้วย
ทั้งนี้เห็นได้จากผลสำรวจของวีซ่า หัวข้อรายงานสังคมไร้เงินสดที่พบว่า ผู้ให้บริการด้านการขนส่งมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 14.5 เซนต์ต่อหนึ่งดอลลาร์ในการเก็บเงินสด เมื่อเปรียบเทียบกับการเก็บเงินดิจิตอลจะมีค่าใช้จ่ายเพียง 4.2 เซนต์ต่อหนึ่งดอลลาร์เท่านั้น
สำหรับการชำระเงินระบบเปิดในระบบขนส่ง คือการยอมรับวิธีการชำระเงินที่ไม่ได้เป็นกรรมสิทธิ์ของเครือข่ายการขนส่งใด โดยผู้โดยสารสามารถชำระเงินค่าโดยสารรถขนส่งสาธารณะอย่าง รถไฟฟ้าใต้ดิน รถไฟ และรถโดยสารประจำทางได้ด้วยบัตรเครดิตและบัตรเดบิตในกระเป๋าสตางค์ที่ออกจากธนาคารโดยตรง
เหตุผลหลักในการเลือกชำระเงินค่าโดยสารรถขนส่งสาธารณะในระบบการชำระเงินแบบเปิด เป็นเพราะ ช่วยลดการพกเงินสดเพื่อนำไปเติมมูลค่าในบัตรโดยสาร สัดส่วนถึง 76% ลดจำนวนบัตรในกระเป๋าสตางค์ 63% และความสะดวกสบายในการติดตามค่าใช้จ่ายในการเดินทาง 56%
ในทางกลับกัน ปัจจัยหลักที่ทำให้ผู้บริโภคเห็นว่าเป็นข้อด้อยของระบบการชำระเงินแบบปิดอย่างในปัจจุบันคือ การไม่สามารถชำระเงินได้หากมียอดเงินในบัตรไม่เพียงพอ อยู่ที่ 53% การต้องเติมเงินในบัตรโดยสารอยู่เสมอ 43% เมื่อบัตรสูญหายเงินในบัตรไม่สามารถขอคืนได้ 36% และความยุ่งยากในการเตรียมเงินสดเพื่อเติมเงินในบัตรโดยสาร 35%
เมื่อถามถึงการชำระเงินรูปแบบใดที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคมากที่สุด ผู้ตอบแบบสำรวจเลือก บัตรเดบิตหรือบัตรเครดิต ประเภทคอนแทคเลส 45 เปอร์เซ็นต์% ตามด้วยการชำระเงินแบบคอนแทคเลสผ่านสมาร์ทโฟน 22% และการชำระเงินแบบไบโอเมตริกซ์ 20%
ในส่วนของการชำระเงินค่าผ่านทางพิเศษ พบว่า81% ของผู้ตอบแบบสอบถามอยากใช้บัตรเดบิตหรือบัตรเครดิตในรูปแบบคอนแทคเลสในการจ่ายค่าผ่านทางฯ โดยมีเหตุผลหลักในการเลือกทำธุรกรรมแนวไร้เงินสด เพราะไม่ต้องเตรียมเงินสดหรือเติมเงินทิ้งไว้ในบัตรทางด่วนถึง 71% รวมไปถึงการช่วยลดจำนวนบัตรในประเป๋าสตางค์ 58% และความสะดวกในการติดตามค่าใช้จ่ายในการใช้การทางพิเศษ 31%
การชำระเงินระบบเปิดในระบบขนส่งสาธารณะถือเป็นหนึ่งในวิธีการที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการขยายการยอมรับการชำระเงินรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ นอกจากนั้นยังจะเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศในการชำระเงิน รวมไปถึงเป็นการช่วยยกระดับให้ประเทศไทยในฐานะเมืองท่องเที่ยวระดับโลกอย่างเป็นรูปธรรม