Economics

‘สมคิด’ มอบการบ้าน 8 ข้อกระทรวงพลังงาน

“สมคิด” ให้การบ้านกระทรวงพลังงาน 8 ข้อ ปตท.รับบทหนัก ย้ำให้ปตท.มองประโยชน์ประเทศเป็นหลัก และเป็นกลไกช่วยเหลือเกษตรกร-ชุมชน พร้อมให้ดึงกองทุนน้ำมันฯแก้ปัญหายากจนลดเหลื่อมล้ำ จี้หาข้อยุติพื้นที่ทับซ้อนไทยกัมพูชา หลังสหรัฐขอไทยเป็นตัวกลางเจรจา  

982019 ๑๙๐๘๑๕ 0013

วันนี้ (15 ส.ค.) นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมามอบนโยบายที่กระทรวงพลังงาน โดยมีนายสนธิ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และผู้บริหารกระทรวงพลังงานเข้าร่วมรับมอบนโยบาย โดยนายสมคิด ได้ฝากการบ้านในเรื่องสำคัญ ดังนี้

1.ให้ประเทศไทยเป็นฮับอาเซียนด้านพลังงาน เป็นตัวกลางในการบริหารจัดการพลังงานของภูมิภาค ในฐานะที่เราตั้งอยู่ในภูมิศาสตร์ที่เหมาะสม โดยให้ประเทศต่างๆต้องนึกถึงและพึ่งพาไทย

ขณะเดียวกันให้เน้นเรื่องการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ โดยให้เร่งเปิดสัมปทานปิโตรเลียม ให้ไทยเป็นประเทศสามารถพึ่งพาตัวเองด้านพลังงาน แทนที่จะนึกถึงการซื้อจากต่างประเทศ เช่น การซื้อไฟฟ้าจากสปป.ลาว แม้จะซื้อได้ถูก แต่หากมีปัญหาเราก็จะแก้ไขอะไรไม่ได้

2.กองทุนพลังงานที่มีอยู่ ควรนำเงินมาทำให้เกิดประโยชน์มากกว่าฝากกินดอกเบี้ย โดยเฉพาะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งมีเงินกว่า 30,000 ล้านบาท และขณะนี้ไม่ต้องรับภาระอุดหนุนราคาน้ำมัน เพราะเป็นช่วงน้ำมันตลาดโลกขาลง จึงควรนำมาใช้เป็นกลไกลดความเหลื่อมล้ำ และแก้ปัญหาความยากจน

3.ให้บริษัทปตท.จำกัด (มหาชน) และบริษัทในกลุ่ม ผลิตปุ๋ยสั่งตัด ที่เป็นปุ๋ยสูตรพื้นฐาน N/P/K แม้จะไม่ใช่งานที่เชี่ยวชาญ แต่สามารถหาพันธมิตรจากต่างประเทศมาร่วมได้ เพื่อลดต้นทุนให้กับเกษตรกร ซึ่งเป็นประชากรกลุ่มใหญ่ของประเทศกว่า 30 ล้านคน

4.ให้ปตท.เข้าไปเป็นกลไกบริหารจัดการผลไม้ของประเทศ เพื่อพัฒนาให้มีมูลค่า แทนที่จะปล่อยให้ล้นตลาด โดยเฉพาะการสร้างห้องเย็นแช่ผลไม้ในจุดที่เป็นแหล่งปลูก และส่งเสริมการแปรรูป เช่น ที่อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร ที่เป็นแหล่งปลูกมังคุด ทั้งนี้เพื่อแก้ปัญหาผลผลิตล้นตลาดในระยะยาว

5.ให้ปั๊มปตท.เป็นกลไกช่วยเหลือเกษตรกร หากร่วมมือกับสหกรณ์การเกษตรได้ขอให้ร่วมมือ หากสหกรณ์ฯใดบริหารจัดการไม่ดี หรือมีคอรัปชั่น ให้เข้าไปทำหน้าที่แทนสหกรณ์ฯ เพื่อช่วยบริหารจัดการผลผลิตทางการเกษตร รวมถึงเสนอให้ปรับพื้นที่ปั๊มน้ำมัน ให้จุดกึ่งกลางของปั๊ม เป็นตลาดสินค้าเกษตรเหมือนญี่ปุ่น เป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งของชุมชน และย้ายหัวฉีดน้ำมันไปจุดอื่นแทน

6.เร่งพัฒนาเชื้อเพลิงชีวภาพ เพราะเชื้อเพลิงฟอสซิลจะต้องหมดลงในที่สุด โดยประเมินว่าแหล่งพลังงานของไทยอาจจะมีใช้ได้ไม่ถึง 20 ปี

7.ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และบริษัทปตท.เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนเงินลงทุนให้กับกลุ่มสตาร์ทอัพของประเทศ และสตาร์ทอัพด้านพลังงาน

8.ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกระทรวงพลังงาน ประสานงานกับนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล เพื่อเก็บข้อมูลในด้านต่างๆ เป็นบิ๊กดาต้าของประเทศ สำหรับต่อยอดการช่วยเหลือคนยากจน ลดความเหลื่อมล้ำต่อไป

982019 ๑๙๐๘๑๕ 0014

นอกจากนี้นายสมคิด กล่าวในห้องประชุมว่า ทางผู้แทนสหรัฐได้เข้าพบ และได้กล่าวถึงพื้นที่ทับซ้อนไทยกัมพูชา โดยขอให้ไทยเป็นตัวกลางในการเจรจากัมพูชาเพื่อให้ได้ข้อยุติ เพราะเรื่องนี้ค้างคามา 40-50 ปีแล้ว

“มีข้อมูลพบว่าพื้นที่ทับซ้อนเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญ ที่ผ่านมาฮุนเซนก็ต้องการพัฒนา แต่ไม่รู้ที่ผ่านมาเถียงกันเพื่ออะไร สหรัฐจึงขอให้ไทยเป็นตัวกลาง เพราะเขาเองก็มีผู้เชี่ยวชาญพร้อมที่จะช่วยได้ เราในฐานะที่ตั้งอยู่ในจุดภูมิศาสตร์ที่ดี ควรนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในการบริหารจัดการเรื่องนี้ ” 

นอกจากนี้นายสมคิด ยังขอให้กลุ่มปตท.นึกถึงประเทศไทยเป็นหลัก อย่าไป “Global” เพราะผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ กระทรวงการคลัง และขอย้ำว่ารัฐวิสาหกิจต้องทำเพื่อภารกิจของประเทศ ไม่ใช่ profit และหากปตท.ทำเพื่อเกษตรกร และชุมชนอย่างเต็มที่ เชื่อว่าจะลดประเด็นการถูกโจมตีได้ในที่สุด

นายสนธิรัตน์ กล่าวภายหลังรับมอบนโยบายว่า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ได้มอบนโยบายเร่งรัด เรื่องการลดความเหลื่อมล้ำ โดยมอบให้ ปตท. เข้าไปดูแลผู้มีรายได้น้อย เพื่อบรรเทาปัญหาค่าครองชีพ เช่น กลุ่มรถโดยสารธารณะ มอเตอร์ไซด์รับจ้าง แท็กซี่

และเร่งผลักดัน โครงการปุ๋ยสั่งตัด ซึ่งเรื่องนี้ ได้มอบหมายให้ ปตท.ดำเนินการ พร้อมกับปรับจุดกระจายสินค้าผ่านปั๊ม ซึ่งการเสนอให้ ปตท.ทำเรื่องนี้ เพราะต้องการให้ สหกรณ์การเกษตรเข็มแข็ง หากสหกรณ์ใดไม่เข็มแข็ง ก็ให้ ปตท.ทำหน้าที่เสมือนเป็น สหกรณ์การเกษตรเอง โดยให้เกษตรกรเข้าร่วมกับปตท.โดยตรง และมอบหมายให้ ปตท. เป็นผู้นำเรื่องเศรษฐกิจชีวภาพ ( bioeconomy ) โดยจัดพื้นที่ และประเภทอุตสาหกรรมที่จะส่งเสริมให้ชัดเจน รวมทั้งให้ทำห้องเย็น เก็บผลไม้ทั้งที่ภาคใต้ ภาคตะออก เพื่อลดปัญหาราคาตกต่ำ

พร้อมทั้งหาแนวทางนำเงินกองทุนน้ำมันฯที่มีประมาณ 30,000 ล้านบาทมาช่วยลดค่าครองชีพประชาชนผู้มีรายได้น้อย ซึ่งเรื่องดังกล่าวทางกระทรวงพลังงานกำลังดำเนินการปรับทิศทางของการใช้เงินกองทุนฯ เพื่อให้เป็นตัวขับเคลื่อนหลักของกระทรวงพลังงาน ในการเข้าถึงเศรษฐกิจฐานราก ค่าดว่าสามารถดำเนินการได้ ภายใน 15 กันยายนนี้

982019 ๑๙๐๘๑๕ 0008

“ส่วนปัญหาเรื่องของพื้นที่ทับซ้อนไทยกัมพูชานั้น เป็นความตั้งใจที่จะดำเนินการเรื่องนี้ ให้แล้วเสร็จก่อน ปี 2563 เพราะเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อไทย และกัมพูชา หากเป็นไปได้ ก็ต้องการที่จะสรุปให้ได้ในสมัยที่ตนเองเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ” นายสนธิรัตน์ กล่าว

Avatar photo