นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี มอบนโยบายต่อผู้บริหารระดับสูง โดยระบุว่าสถานการณ์ระยะสั้นที่เผชิญกันอยู่ เศรษฐกิจโลกเป็นอย่างไร โดยเฉพาะกรณีสหรัฐประกาศขึ้นกำแพงภาษีสินค้าจีน ทำให้หุ้นทั่วโลกตกของไทยถึงวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา ตกไปแล้ว 2% กว่า
ขณะเดียวกันการบริโภคภายในประเทศ ขึ้นอยู่กับความมั่นใจของคนในประเทศ ความเชื่อมั่นของนักลงทุน สำคัญที่สุดคนไทยกันเองต้องมีความมั่นใจ วันนี้ค่าเงินบาทก็แข็ง นักลงทุนไทยต้องใช้จังหวะลงทุนในประเทศให้มากขึ้น ไปลงทุนที่อื่น แบบนี้ถือว่าไม่ช่วยกัน รัฐวิสาหกิจใหญ่ๆต้องถือโอกาสลงทุนในช่วงนี้ เพราะค่าเงินบาทแข็ง อะไรที่ช่วยกันได้อยากให้ช่วยกัน ได้แนะนำรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ไปร่วมฟังการลงทุนของรัฐวิสาหกิจทั้งหมดว่าเขาจะช่วยกันอย่างไร ได้รับความร่วมมือค่อนข้างดี แม้ว่า 3-4 เดือนที่ผ่านมาจะช้าไปก็ตาม เพราะอาจจะกังวลเรื่องการเมือง
ส่วนที่ห่วงว่ารัฐบาลผสมทำงานไม่ได้ไม่จริง ทุกคนรู้จักกันดี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รู้จักกันมา 20 กว่าปี ส่วนนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองานยกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นนักศึกษารุ่นใกล้เคียงกัน แต่ละท่านรู้จักกันมากว่า 20 ปี การปรึกษาหารือไม่มีปัญหาเด็ดขาด เรื่องความกังวลความขัดแย้ง ความไม่ลงรอย ไม่มีเด็ดขาด
นายสมคิด กล่าวว่าต้องมองไปที่การปฏิรูปเชิงโครงสร้าง กระทรวงต่างๆ ต้องให้ความสำคัญการต่อยอดโครงการเก่าที่รัฐบาลทำอยู่ เรื่องแรกคืออีอีซี แบ่งเป็น 3 เฟส เริ่มจากขายแนวความคิดช่วง 2 ปีแรก เพื่อให้เห็นว่าเป็นโครงการใหญ่ ต้องทำอย่างไร ให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ อุตสาหกรรมแห่งอนาคต
ส่วนเฟสสอง ทำอย่างไรให้นักลงทุนมาไทยให้ได้มากที่สุด ส่วนเฟสสุดท้าย คือการรู้จักใช้เกมส์ระหว่างประเทศ ทำให้คนตัวเล็กกลายเป็นคนตัวใหญ่เช่นเดียวกับสิงคโปร์
“เราต้องเล่นไพ่ 3 ใบ จีน สหรัฐ และญี่ปุ่น เราประสานงานกับทุกประเทศเท่าเทียม ไม่มีเอนเอียงฝ่ายใด นอกจากนโยบายด้านเศรษฐกิจแล้ว นโยบายด้านความมั่นคงก็ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ต่างประเทศให้ความสำคัญด้วย”
นายสมคิด กล่าวว่าอยากเรียกร้องให้นักลงทุนไทยมีความเชื่อมั่นต่อการขยายลงทุน รัฐบาลได้เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ พิจารณาวันที่ 21 สิงหาคมนี้ เพื่อช่วยเหลือภาคเกษตร ท่องเที่ยว เอสเอ็มอี และส่วนต่างๆให้ครอบคลุม มีกำลังพอในการฟื้นเศรษฐกิจ
นายสมคิด กล่าวว่าเพื่อรองรับความผันผวนตลาดเงิน ตลาดทุนขอตลาดโลก ได้สั่งให้ตั้งคณะกรรมการร่วมระหว่างกระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หารือ ติดตามสถานการณ์การเงินอย่างใกล้ชิด