บริษัท และกลุ่มการค้าในสหรัฐ หวั่นกระแสขัดแย้งทางการค้าที่รุนแรงขึ้นระหว่างจีน กับสหรัฐ 2 ชาติเศรษฐกิจขนาดใหญ่สุดในโลก จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของตัวเอง
การที่รัฐบาลปักกิ่งโต้กลับทันที ต่อการที่สหรัฐประกาศจัดเก็บภาษี 25% ต่อสินค้านำเข้าจากจีน มูลค่า 50,000 ล้านดอลลาร์ จุดชนวนให้เกิดสงครามการค้า ที่มีแนวโน้มจะสร้างความเสียหายให้กับผู้ส่งออก และบริษัทข้ามชาติสหรัฐ ที่หวังเข้าไปสร้างรายได้ในตลาดจีนที่มีมูลค่ามหาศาล
สินค้าเกษตรส่งออกสหรัฐ เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากสุดจากการจัดเก็บภาษีจากจีน ซึ่งทั้งถั่วเหลือง ข้าวฟ่าง ส้ม เนื้อหมู เนื้อวัว และสัตว์ปีก ต่างเป็นสินค้าที่ตกเป็นเป้าของการจัดเก็บภาษีนำเข้ารวมมูลค่า 34,000 ล้านดอลลาร์ ที่จะเริ่มขึ้นในเดือนหน้า
คาร์กิลล์ ผู้ค้าสินค้าเกษตร บริษัทเอกชนรายใหญ่สุดของสหรัฐ เรียกร้องให้รัฐบาลของ 2 ประเทศเปิดเจรจากัน เพื่อที่ภาคธุรกิจ เกษตรกร และผู้บริโภคจะได้ไม่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าที่เกิดขึ้น
“ความขัดแย้งทางการค้า จะนำไปสู่บทสรุปที่หนักหน่วงทั้งต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และการจ้างงาน ทั้งยังจะทำให้เกิดผลกระทบที่สร้างความผันผวนไปทั่วโลก”
ขณะที่โฆษกอาเชอร์ แดเนียลส์ เทรดเดอร์ค้าธัญพืช แสดงความเห็นไปในแนวทางเดียวกันว่า จีน และสหรัฐควรเดินหน้าเจรจากันต่อไป พร้อมเสริมว่า จีนยังเป็นตลาดส่งออกที่สำคัญสำหรับสินค้า และเกษตรของสหรัฐอยู่
ธุรกิจสหรัฐอีกจำนวนมากพากันก้าวออกมาวิจารณ์ถึงนโยบายเก็บภาษีล่าสุดของสหรัฐ โดยบริษัทขนาดใหญ่จำนวนหนึ่ง อาทิ โบอิง ต่างบอกว่า กำลังเริ่มประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการเก็บภาษีเหล่านี้
“เรากำลังประเมินผลกระทบจากการจัดเก็บภาษีอยู่ และจะเดินหน้าประสานงานกับบรรดาแกนนำในรัฐบาลของ 2 ประเทศ เพื่อเรียกร้องการเจรจาในเชิงสร้างสรรค์ แก้ไขความแตกต่างในด้านการค้า เน้นให้เห็นถึงผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่มีร่วมกันในอุตสาหกรรมอากาศยานที่แข็งแกร่ง และรุ่งเรือง” ชาร์ลส์ บิคเกอร์ส โฆษกโบอิง กล่าว
สมาคมรองเท้า และเสื้อผ้าอเมริกัน ก็ออกมาแสดงความเห็นว่า มาตรการเก็บภาษีโต้กลับของจีน อาจส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตสิ่งทอ และเกษตรกรอเมริกัน ทั้งยังเพิ่มค่าใช้จ่ายด้านซัพพลายเชนให้กับอุตสาหกรรมด้วย
บรรดาผู้ผลิตรถยนต์สหรัฐ ที่มองจีนเป็นตลาดหลักสำหรับการเติบโต ย้ำเช่นกันว่า จะได้รับผลกระทบจากการเปิดศึกภาษีครั้งนี้
กลุ่มการค้าอื่นๆ ที่คัดค้านการเก็บภาษีของสหรัฐ รวมถึง กลุ่มโต๊ะกลมธุรกิจ และหอการค้าสหรัฐ
