“วีโร่” ประกาศเปิดตัวบริษัทลูกในเวียดนาม ลุยงานสื่อสารและประชาสัมพันธ์ครบวงจร สานต่อเป้าหมายให้บริการสื่อสารการตลาดที่ครอบคลุมในภูมิภาคอาเซียน
นายราฟาเอล แลชเกอร์ ผู้อำนวยการประจำประเทศเวียดนาม วีโร่ ผู้ให้บริการด้านประชาสัมพันธ์ โซเชียลมีเดีย ดิจิทัล และการตลาด เปิดเผยว่า บริษัทจะเดินหน้าขยายตลาดในภูมิภาคอาเซียนอย่างต่อเนื่อง จากปัจจุบันที่มีสำนักงานในประเทศไทยและเมียนมาแล้ว ล่าสุดได้รุกเปิดสำนักงาน วีโร่ เวียดนาม รวมทั้งมีแผนจะเปิดสำนักงานที่อินโดนีเซียในไตรมาสสามปีนี้
สำหรับการให้บริการในเวียดนาม จะประกอบไปด้วย ทีมบริหารงานลูกค้าที่เน้นทางด้านดิจิทัลโดยเฉพาะ ฝ่ายวางแผนการสื่อสารเชิงกลยุทธ์ ฝ่ายสร้างสรรค์ และทีมผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อมวลชนสัมพันธ์ ซึ่งปัจจุบันครอบคลุมไปถึงอินฟลูเอนเซอร์ เพื่อนำเสนอแคมเปญการสื่อสารแบบบูรณาการ ให้กับแบรนด์ต่าง ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
การเลือกเปิดสำนักงานที่เวียดนามเนื่องจากเป็นหนึ่งในตลาดที่มีความสำคัญในภูมิภาคอาเซียน โดยคาดว่าเศรษฐกิจของประเทศเวียดนามจะเติบโตมากกว่า 6.5% ต่อเนื่องถึงปี 2563 มีการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างมากในปีนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนที่มีคุณภาพ รวมถึงแรงงานเวียดนามวัยหนุ่มสาวที่มีความรู้และเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี ยังคงสามารถดึงดูดบริษัทระดับโลกในกลุ่มฟอร์จูนโกลบอล 500 ให้เข้ามาในประเทศได้อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ยังเป็นการสานต่อเป้าหมายของบริษัท ที่จะมุ่งให้บริการสื่อสารการตลาดที่ครอบคลุมที่สุดให้แก่ลูกค้าของเราในภูมิภาคอาเซียนที่มีขนาดใหญ่และเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยที่เวียดนามก็เป็นหนึ่งในตลาดที่มีความสำคัญอย่างมาก และพร้อมจะเปิดตัวบริการต่าง ๆ ด้านดิจิทัลเพิ่มเติมจากบริการด้านประชาสัมพันธ์และสื่อมวลชนสัมพันธ์ที่วีโร่ให้บริการมาแล้วก่อนหน้านี้ผ่านตัวแทนในเวียดนาม
ทั้งนี้ วีโร่ ได้ศึกษาวิจัยในหัวข้อต่างๆ มากมายในเวียดนาม เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกของกลุ่มเป้าหมายในประเทศ และนำมาพัฒนาการบริการให้ตอบโจทย์ลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น อย่างโครงการวิจัยหนึ่งที่เรามุ่งเน้นไปที่การตลาดผ่านอินฟลูเอนเซอร์ ที่มีอิทธิพลในการสร้างผลกระทบหรือแรงกระเพื่อมต่อวัยมิลเลนเนียลส์ในเมืองฮานอยและโฮจิมินห์ ซึ่งทำให้พบว่าเกือบ 60% ของชาวมิลเลนเนียลมีแนวโน้มที่จะไว้วางใจแบรนด์มากขึ้นหลังจากเห็นอินฟลูเอนเซอร์โพสต์เกี่ยวกับแบรนด์นั้น ๆ
“ทีมงานของวีโร่สามารถเสาะหาและคัดสรรอินฟลูเอนเซอร์ทั้งในระดับมาโครและไมโครที่เหมาะสมกับอัตลักษณ์ของแบรนด์และใจความสำคัญที่แบรนด์ต้องการสื่อสาร เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กว้างขวางและมีลักษณะเฉพาะได้” นายแลชเกอร์ กล่าว
