นายอาทิตย์ วุฒิคะโร รองประธานกรรมการ ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานกรรมการบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด (รฟฟท.) กล่าวว่า ตามที่โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ได้กำหนดให้เอกชนที่ชนะการประมูลรับโอนการจัดการเดินรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ไปด้วยนั้น คาดว่าจะได้เอกชนที่จะเข้าดำเนินงานโครงการฯภายในเดือนธันวาคมนี้ จะใช้ระยะเวลารับโอนการบริหารการเดินรถเดิมของรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ประมาณ 2 ปี
ทางคณะกรรมการบริษัทเห็นว่าช่วงเปลี่ยนผ่านบริษัทต้องจัดการดูแล บำรุงรักษา และเดินรถให้ได้ครบทั้ง 9 ขบวน อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรองรับปริมาณผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเร่งด่วนเช้า – เย็น ซึ่งรฟฟท. ต้องปรับปรุงหรือปรับเปลี่ยนรูปแบบ และวิธีการบริหารจัดการในการเดินรถ การบำรุงรักษา และการจัดหาอะไหล่ให้มีความพร้อมในการใช้งาน รวมทั้งปรับปรุงระบบการจัดการ รูปแบบการทำงานต่างๆ เพื่อให้การถ่ายโอนการเดินรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ไปสู่เอกชน
และเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า รฟฟท. มีประสบการณ์ และมีศักยภาพเพียงพอที่จะได้รับความไว้วางใจจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ที่จะมอบหมายให้ รฟฟท. ดำเนินการเดินรถไฟฟ้าสายอื่นๆ ของ รฟท. โดยเฉพาะรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง
อย่างไรก็ตาม รฟฟท. ได้ว่าจ้างบริษัท ทริส คอร์ปอเรชั่น จำกัด เข้ามาเป็นที่ปรึกษาเพื่อร่วมทำงานกับ รฟฟท. ในการจัดทำแผนธุรกิจ และแผนยุทธศาสตร์ในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้ เพื่อให้มียุทธศาสตร์การดำเนินงานเพื่ออนาคตว่า ต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบ และเพิ่มศักยภาพในการดำเนินงานด้านใดบ้าง รวมทั้งกำหนดตัวชี้วัดในการติดตาม ประเมินผล และกำกับงานเพื่อให้การดำเนินงานสามารถวัดผลได้
ในอนาคตหากได้รับมอบหมายให้ดำเนินการเดินรถไฟฟ้าสายอื่น จะต้องมีการเตรียมการ หรือปรับรูปแบบโครงสร้างองค์กรอย่างไร เมื่อเร็วๆนี้ ภายในศูนย์ซ่อมบำรุงคลองตัน คณะกรรมการบริษัท และผู้บริหารระดับสูง รวมทั้งผู้บริหารของบริษัท ทริส คอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้ประชุมหารือถึงการกำหนดกรอบการทำงาน แผนงานดังกล่าวเสร็จสมบูรณ์ช่วงเดือนกันยายน 2561
ด้านนายไวฑูรย์ โภคาชัยพัฒน์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ทริส คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า เป็นความท้าทายของบริษัทและรฟฟท. เบื้องต้นบริษัทได้เข้ามาเก็บข้อมูลของ รฟฟท. และได้วิเคราะห์สภาพแวดล้อมทางธุรกิจทั้งภายใน และภายนอก จัดทำ SWOT Analysis รวมทั้งข้อเสนอแนะเชิงยุทศาสตร์ และแนวความคิดในการแก้ไขปัญหา และการพัฒนาสู่อนาคตในระดับหนึ่งแล้ว เช่น การดำเนินธุรกิจตามหลักธรรมาภิบาล การมุ่งเน้นศักยภาพ และประสิทธิภาพการเดินรถและการซ่อมบำรุง รวมถึงการปรับเปลี่ยนการบริหารจัดการภายใน หลังจากนี้จะเจาะลึกในรายละเอียดต่างๆเพื่อให้เกิดความชัดเจนมากยิ่งขึ้น
