“เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป” ที่เริ่มต้นธุรกิจร้านอาหารประเภทสุกี้ยากี้ “เอ็มเค” มาตั้งแต่ปี 2532 ปัจจุบัน มีพอร์ตโฟลิโอแบรนด์ร้านอาหารในเครือ 7 แบรนด์ รวมกว่า 600 สาขา แบรนด์หลักคือ เอ็มเค สุกี้, ร้านอาหารญี่ปุ่นยาโยอิ, ฮากาตะ, มิยาซากิ, ร้านอาหารไทย ณ สยาม, ร้านกาแฟ/เบเกอรี่เลอ เพอทิท นอกจากนี้ยังมีการขายแฟรนไชส์ร้านเอ็มเค สุกี้ ที่ญี่ปุ่น เวียดนาม ลาว และ ร้านมิยาซากิ ในลาว
ในปี 2560 เอ็มเคฯ มีรายได้ 2560 อยู่ที่ 16,457 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,424 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 14.73% สำหรับไตรมาสแรก ปี 2561 รายได้รวม 4,163 ล้านบาท กำไรสุทธิ 631 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 15.18%
ลงทุน 600 ล้านขยาย 50 สาขา
นายสมชาย หาญจิตต์เกษม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าปีที่ผ่านมาด้านยอดขายเติบโต 5% กำไรอยู่ที่ 10% เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ส่วนปีนี้วางเป้าหมายยอดขายเติบโต 7% มองว่าทิศทางเศรษฐกิจและกำลังซื้อดีขึ้นต่อเนื่อง
ปีนี้จึงวางแผนใช้เงินลงทุน 600 ล้านบาท ขยายสาขาเครือข่ายร้านอาหาร 50 สาขา โดย 2 แบรนด์หลัก คือ ร้านเอ็มเค สุกี้ 18 สาขา และร้านยาโยอิ 30 สาขา โดยรวมปีนี้มีการขยายสาขาเพิ่มขึ้นจากปี 2560 อยู่ที่ 30 สาขา ลงทุนประมาณ 300 ล้านบาท
ปัจจุบันร้านเอ็มเค มีประมาณ 426 สาขา กระจายอยู่ทั่วประเทศ โดยมี 3 แบรนด์ คือ เอ็มเค สุกี้,เอ็มเค โกลด์,และเอ็มเค ไลฟ์ แม้จะมีสาขาจำนวนมากแต่มองว่ายังมีโอกาสขยายสาขาเพิ่มได้อีกนับ 100 แห่งในอนาคต โดยมองหาโอกาสการพัฒนาร้านรูปแบบใหม่ๆ ล่าสุดได้เปิดสาขาเอ็มเค และยาโยอิ ที่สนามบินดอนเมือง ซึ่งมีพื้นที่ขนาดเล็กกว่าร้านปกติ มองเป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะจีน
ปี 2560 มีรายได้จากบริการเดลิเวอรี่ 300 ล้านบาท โดยเป็นเซอร์วิสที่ให้บริการในกรุงเทพฯ จากพฤติกรรมคนรุ่นใหม่นิยมใช้เซอร์วิสนี้ 40% และปัญหาการจราจรในกรุงเทพฯ ขณะที่ต่างจังหวัดยังนิยมเดินทางไปใช้รับประทานที่ร้านสาขา ปัจจุบันบริการเดลิเวอรี่ ให้บริการผ่านแอพพลิเคชั่น เอ็มเค ที่ใช้งานได้สะดวก และสามารถใช้จองคิวผ่านแอพ
ด้านกลยุทธ์การตลาดเอ็มเค จะเน้นจัดโปรโมชั่นและการเปิดตัวสินค้าใหม่ทุก 2 เดือน เพื่อกระตุ้นการบริโภคของลูกค้า ปัจจุบันเอ็มเค มีฐานสมาชิก 1 ล้านคน มีลูกค้าประจำ 1 แสนคนที่มารับประทานทุกเดือน และมีลูกค้าประจำที่มารับประทานทุกสัปดาห์
กลุ่มโอตะลูกค้าใหม่“ยาโยอิ”
สำหรับแบรนด์ร้านอาหารญี่ปุ่น “ยาโยอิ” ซึ่งเป็นแฟรนไชส์จากประเทศญี่ปุ่นและร่วมทุนขยายสาขาในประเทศไทย ปัจจุบันมีกว่า 170 สาขา นอกจากนี้ยังร่วมกับเจ้าของแบรนด์ ไปลงทุนขยายสาขาในสิงคโปร์ ปัจจุบันมี 5 สาขา มาเลเซีย 1 สาขา
นายสมชาย กล่าวว่าแนวโน้มร้านอาหารญี่ปุ่นยังมีโอกาสเติบโต จากเทรนด์ดูแลสุขภาพของผู้บริโภคในยุคนี้ และอาหารญี่ปุ่นตอบโจทย์ดังกล่าว โดยปีนี้วางแผนขยายร้านยาโยอิ 30 สาขา คาดยอดขายเติบโต 17% ขณะที่ปีก่อนเปิดสาขาใหม่ 28 สาขา ยอดขายเติบโต 10%
กลยุทธ์การตลาดของยาโยอิ เน้นกลุ่มวัยรุ่นและครอบครัว โดยเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ได้ดึง ศิลปิน BNK48 มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ 16 คน สัญญาร่วมงาน 6 เดือน พบว่าได้กลุ่มโอตะ ที่ชื่นชอบ BNK48 และยังไม่เคยเป็นลูกค้ายาโยอิ เข้ามาเป็นลูกค้าเพิ่มขึ้น
หลังจากจัดกิจกรรมการตลาดสินค้าสะสม Special Limited Edition ของ ยาโยอิ กับ BNK48 ชุดแรก ที่มีทั้งบัตรสมาชิก แก้วน้ำ และ ปฏิทินตั้งโต๊ะ ในเดือนมิถุนายนนี้ จะเปิดตัวสินค้าสะสมชุดใหม่ที่สามารถแลกซื้อได้ถึงสิ้นเดือนสิงหาคม 2561
“การทำงานร่วมกับพรีเซ็นเตอร์ BNK48 ช่วยสร้างการรับรู้แบรนด์ยาโยอิ และเป็นแบรนด์ที่อยู่ในใจผู้บริโภค ที่นึกถึงร้านอาหารญี่ปุ่น โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่”
ศึกษาเพิ่มแบรนด์ร้านอาหาร ตปท.
นายสมชาย กล่าวเพิ่มเติมธุรกิจร้านอาหารยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก โดยเฉพาะร้านอาหารที่เกาะเทรนด์ดูแลสุขภาพ โดยบริษัทยังมองหาโอกาสการลงทุนแบรนด์ร้านอาหารใหม่ๆ ทั้งในเอเชียและยุโรปเข้ามาเสริมพอร์ต