“ออริจิ้น“ ขึ้นแท่นบิ๊กอสังหาฯ เปิดโครงการที่อยู่อาศัยมูลค่าสะสมทะลุ 1 แสนล้าน ในปี 62 คาดสิ้นปีพอร์ตรายได้ธุรกิจบ้านจัดสรรโต 15% หลังปรับเป้าเปิดโครงการใหม่เป็น 8,000 ล้านบาท โชว์ธุรกิจ New S Curve ดันรายได้โตต่อเนื่อง 30,000 ล้านในปี 65
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร และเดินหน้าเปิดโครงการใหม่ในทำเลศักยภาพต่อเนื่อง ภายในปีนี้บริษัทจะมียอดเปิดตัวโครงการมูลค่าสะสม 1 แสนล้านบาท กลายเป็นหนึ่งในบริษัทอสังหาฯ ถือเป็นบริษัทที่สามารถพัฒนาโครงการ จนสามารถเปิดตัวโครงการสะสมทะลุหลักแสนล้านบาทภายใน 10 ปี มีสถานะแบ็กล้อกคุณภาพ ณ สิ้นไตรมาส 1 สูงถึง 34,000 ล้านบาท จะรับรู้รายได้อีก 3 ปี ข้างหน้าไว้
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าสิ้นปี 2562 สัดส่วนรายได้จากกลุ่มธุรกิจประเภทต่างๆ จะเปลี่ยนแปลงไป จากเดิมที่สัดส่วนรายได้ จากธุรกิจคอนโดมิเนียม 80% ธุรกิจบ้านจัดสรรอยู่ที่ 10% แต่ในปีนี้รายได้จากธุรกิจบ้านจัดสรรขยับเพิ่มมาเป็น 15% บริษัทยังสามารถรักษาระดับกำไรขั้นต้นไว้ได้ที่ระดับ 40%
“ธุรกิจบ้านจัดสรรอาจไม่ใช่ธุรกิจที่มีกำไรมากเท่าธุรกิจคอนโดฯ แต่เป็นธุรกิจที่สามารถทำรอบได้เร็วเฉลี่ย 1.5-2 รอบต่อปี ทำให้บริษัททำรายได้รวมและกำไรได้ดีขึ้น โดยไตรมาส 1 ที่ผ่านมา บริษัทเริ่มมีรายได้จากโครงการใหม่ ที่เริ่มทยอยโอนกรรมสิทธิ์และรับรู้รายได้เพิ่มเติมถึง 2 โครงการ ได้แก่ โครงการบริทาเนีย เมกะทาวน์ บางนา และโครงการบริทาเนีย บางนา กม. 12” นายพีระพงศ์ กล่าว
ขณะเดียวกัน บริษัทได้ปรับเป้าการเปิดตัวโครงการบ้านจัดสรรภายใต้แบรนด์บริทาเนีย (Britania) เพิ่มเติม เป็น 6 โครงการ มูลค่ารวม 8,000 ล้านบาท และภายในไตรมาส 3 ปีนี้ จะมีการเปิดตัวโครงการคอนโดฯ ที่จับกลุ่มผู้ซื้อคอนโดมิเนียมครั้งแรก (First Condo Buyer) และกลุ่มสตาร์ทอัพภายใต้แบรนด์ดิ ออริจิ้น (The Origin)
นายพีระพงศ์ กล่าวว่าภายในปี 2565 บริษัทจะมีรายได้รวมทุกกลุ่มธุรกิจถึง 30,000 ล้านบาท จากเดิม 16,638 ล้านในปี 2561 ปัจจุบันบริษัทมีแบ็คล็อกคุณภาพอยู่แล้วที่ 34,000 ล้านบาท พร้อมทยอยรับรู้รายได้ไปจนถึงปี 2564
“เรามีวิสัยทัศน์ทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวในการดำเนินธุรกิจ ด้วยการสร้าง New S Curve หรือธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น ธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียนอย่างโรงแรม ที่จะเริ่มสร้างรายได้เข้ามาเป็นครั้งแรกในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ถึง 2 โครงการ ได้แก่ โรงแรม Staybridge Suites Bangkok Thonglor และโรงแรม Holiday Inn & Suites Sriracha ทำให้เรากลายเป็นบริษัทที่มีรายได้เติบโตมั่นคง” นายพีระพงศ์ กล่าว