พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กล่าวถึงมาตรการดูแลการชุมนุมของกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ว่า วันนี้ใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 20 กองร้อยหรือประมาณ 3,000 นายดูแลการชุมนุม ส่วนกรณีส่งตัวแทนผู้ชุมนุมเข้ายื่นหนังสือที่ทำเนียบรัฐบาลจะเป็นแนวทางที่ดีที่สุดที่ไม่กระทบสิทธิเสรีภาพผู้อื่น ผู้ชุมนุมต้องคำนึงถึงผู้ที่ใช้ชีวิตประจำวันที่ไม่ได้ส่วนเกี่ยวข้องจำนวนมากด้วย
“การที่กลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนออกมานอกรั้วมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เป็นความชัดเจนว่ามีความผิดฐานขัดคำสั่งคสช.ที่ 3/2558 ซึ่งเจ้าหน้าที่จะต้องบังคับใช้กฎหมายไล่ดำเนินคดีภายหลัง ยืนยันว่าไม่ใช่การกลั่นแกล้ง เป็นการใช้กฎหมายปกติ เนื่องจากศาลปกครองนกคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวของกลุ่มผู้ชุมนุม ยืนยันว่าตำรวจไม่ได้ลืดรอนสิทธิเสรีภาพตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558” รองโฆษกตร. กล่าว
ทั้งนี้ หลังจากที่คสช.เข้าแจ้งความกับ สน. ชนะสงครามข้อหา ขัดคำสั่งคสช. 3/2558 ร่วมกันมั่วสุม หรือชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน โดยไม่ได้รับอนุญาตจากหัวหน้า คสช. เจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินคดีกับ 5 แกนนำ ประกอบด้วยนายรังสิมันต์ โรม นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ นายเอกชัย หังส์กังวาน น.ส.ปิยรัตน์ จงเทพและน.ส.ณัฏฐา มหัทธนา ยืนยันตำรวจว่าไม่ได้ใช้หลักนิติศาสตร์อย่างเฉียบขาด แต่จะใช้หลักรัฐศาสตร์ควบคู่ด้วย โดยเน้นเจรจาเป็นหลัก ไม่เข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด
พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า การที่ตำรวจต้องดำเนินคดีกับแกนนำและผู้ชุมนุมทั้งหมด เนื่องจากคำขออนุญาตจัดการชุมนัดขัดคำสั่งคสช.ที่ 3/2558 และพ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ 2558 แม้ว่าที่ผ่านมาผู้กำกับสน.ชนะสงครามเคยอนุญาต แต่เนื่องจากผู้ชุมนุมเพิ่มกิจกรรมทางการเมือง จึงทำให้ต้องยกเลิกการให้อนุญาตจัดการชุมนุม ผู้ชุมนุมจึงนำมาใช้กล่าวอ้างไม่ได้ และขอให้สื่อมวลชน ที่จะเข้าปฏิบัติหน้าที่บริเวณกลุ่มการชุมนุม ต้องเป็นผู้ที่สวมปลอกแขนที่ได้รับจากกองบัญชาการตำรวจนครบาลเข้าพื้นที่เท่านั้น
