Finance

‘SCC’ ติดอันดับ 1 ใน 6 หุ้นน่าลงทุนของเอเชีย

111 1

การที่ดัชนี MSCI ประกาศการปรับปรุงคัดหุ้นเข้าและออกจากการคำนวณดัชนีหุ้นรอบใหม่ ซึ่งจะมีผลต่อการเพิ่มหรือลดน้ำหนักการลงทุน ตามการอ้างอิงของดัชนีดังกล่าวในวันที่  31 พฤษภาคมนี้  ล่าสุดนักวิเคราะห์แนะนำให้เก็งกำไรหุ้นที่ถูกนำเข้า และหลีกเลี่ยงการลงทุนในหุ้นที่ถูกคัดออก ดังนี้

บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุว่า การประกาศ MSCI Rebalance ซึ่งจะมีผลราคาปิดวันที่ 31 พฤษภาคม 2561 ตลาดหุ้นไทยถูกลดน้ำหนักเล็กน้อยราว 0.05% สู่ 2.33% จะมีเม็ดเงินไหลออก ราว 92 ล้านดอลลาร์ หรือ 2,925 ล้านบาท มีรายละเอียด คือ 1. MSCI Global Standard Index หุ้นที่ถูกนำเข้าคำนวณใหม่คือ หุ้น LH (เงินไหลเข้าราว 45 ล้านดอลลาร์) ขณะที่หุ้นที่ถูกคัดออก ได้แก่ KCE (เงินไหลออก 28 ล้านดอลลาร์), SCC-F (เงินไหลออก 205 ล้านดอลลาร์) ส่วนการเพิ่มน้ำหนัก คือ SCC และถูกเลือกเป็น Top 6 BUY ของ Asia ในฐานะหุ้นที่ถูกเพิ่มเม็ดเงินสูงราว 181 ล้านดอลลาร์), CPF (เงินไหลเข้า 11 ล้านดอลลาร์), EA (เงินไหลเข้า 7.5 ล้านดอลลาร์ )

ส่วนหุ้นที่ถูกลดน้ำหนัก คือ PTT (เงินไหลออก 28.44 ล้านดอลลาร์ )  2. MSCI Global Small cap index หุ้นที่ถูกเข้าคำนวณใหม่คือ DDD, KCE, MONO, PRM, THG, TPIPL ขณะที่หุ้นที่ถูกคัดออก ได้แก่ BIG, EASTW, FSMART, GL, KTC, LHFG, MALEE, SAMART, TSE

จากข้อมูลดังกล่าวจะเห็นว่า หุ้นบริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) หรือ SCC เป็นหุ้นที่น่าสนใจ เพราะถูกเลือกให้เป็นหุ้นที่ติดอันดับ  1 ใน  6 ของหุ้นเอเชียที่น่าซื้อลงทุน เนื่องจากราคาหุ้นถูก และทำให้เชื่อว่าจะมีเม็ดเงินไหลเข้ามาจำนวนมาก ซึ่งน่าจะทำให้คาดการณ์ได้ว่า เม็ดเงินดังกล่าวมีโอกาสที่จะทำให้ หุ้น SCC ปรับตัวขึ้นได้

หุ้น SCC เป็นหุ้นขนาดใหญ่ของตลาดหุ้นไทย ปัจจุบันมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) อยู่ที่ 5.6 แสนล้านบาท ติดอันดับท็อปไฟว์ของตลาดหุ้นไทย   และตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ราคาหุ้น SCC ปรับตัว  ผันผวน และอยู่ในทิศทางขาลงมากกว่าขาขึ้น สอดคล้องกับทิศทางของกำไรที่ลดลง โดยในปี 2560 มีกำไรลดลงมาอยู่ที่ 55,041 ล้านบาท ลดลง 1.86% หากเทียบกับงวดปี 2559 มีกำไรสุทธิ  56,084 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.53% จาก ปี 2558

ทั้งนี้ ราคาหุ้น SCC ในปี 2560 ปรับตัวลดลง 2.42% จากราคา 496 บาท เหลือ 484 บาท ขณะที่ในปี 2561 ราคาหุ้นปรับลดลง 2.89% จากราคา 484 บาท เหลือ 470 บาท   แม้ว่าราคาจะเคยปรับตัวขึ้นไปยืนเหนือระดับ 500 บาทได้ แต่ในที่สุดก็ถูกแรงเทขายกดดันทำให้ราคาปรับตัวลดลงต่ำว่า 500 บาทอีกเช่นเคย

อย่างไรก็ตาม ค่าพีอีเรโช เฉลี่ยของหุ้น SCC ในปีนี้จะอยู่ที่ 11.27 เท่า หรือต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของพีอีตลาดหุ้นไทยโดยรวมอยู่ที่ 17-18 เท่า และหากเทียบอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลในปี 2560 อยู่ที่ 3.93%และในปี2561 อยู่ที่ 4.04% ถือว่าเป็นผลตอบแทนที่น่าสนใจ

scc2

สอดคล้องการสำรวจความคิดเห็นของโบรกเกอร์ พบว่า ส่วนใหญ่แนะนำให้ซื้อลงทุน เป็นหุ้นที่เหมาะถือลงทุนระยะยาว และมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง  โดยบล.บัวหลวง ระบุว่า ฝ่ายวิจัยยังคงมุมมองเดิมว่า SCC เป็นบริษัทที่เหมาะสำหรับถือรับปันผล ด้วยอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงถึง 4% แม้ผลประกอบการอาจไม่เติบโตในระยะสั้น แต่กระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง เงินสดในมือที่มีอยู่มาก และการใช้เงินลงทุนที่น้อยลง เนื่องจากโครงการ Long Son ในประเทศเวียดนามล่าช้าออกไป อาจส่งผลให้บริษัทเพิ่มอัตราการจ่ายเงินปันผลมากขึ้น ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยให้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2561 ที่ 580 บาท

อย่างไรก็ตาม จากการประชุมนักวิเคราะห์ ดูเหมือนว่าผู้บริหารจะมีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นต่อแนวโน้มความต้องการใช้ซีเมนต์ในประเทศ โดยการเริ่มก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ของรัฐฯ เป็นไปตามแผน ซึ่งน่าจะหนุนให้ความต้องการใช้ซีเมนต์ของภาครัฐเติบโตต่อเนื่องในอีก 2-3 ปีข้างหน้า

นอกจากนี้ความต้องการใช้ซีเมนต์สำหรับการก่อสร้างที่อยู่อาศัยและอาคารพาณิชย์ ก็ดูจะดีขึ้นในครึ่งหลังของปี 2561 หนุนโดยการเปิดโครงการที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน และศูนย์การค้าที่เพิ่มมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ราคาซีเมนต์เริ่มขยับขึ้น โดยเพิ่มขึ้น 3% ทั้งจากงวดเดียวกันปีก่อน และในไตรมาส 1/61 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 4 ปี และการปรับขึ้นครั้งนี้มากกว่าต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งน่าจะส่งผลให้อัตรากำไรขยายตัวได้ดี

บล.ทรีนีตี้ คาดว่า กำไรไตรมาส 2 ยังคงทรงตัวได้ เนื่องจาก 1) ธุรกิจปิโตรเคมีส่วนต่างราคาของผลิตภัณฑ์อาจจะปรับลงเล็กน้อยกว่าไตรมาสก่อน แต่ยังคงทรงตัวได้อยู่ในระดับสูง 2) ปกติไตรมาส 2 จะมีรายได้จากเงินปันผลจากบริษัทร่วม 3) ส่วนแบ่งรายได้จากบริษัทร่วมทุนจะเพิ่มกลับมาเป็นปกติ และ แนวโน้มธุรกิจปิโตรเคมียังคงแข็งแรง ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และการบริโภค

ขณะที่ธุรกิจปูนซีเมนต์น่าจะค่อยฟื้นๆตัว โดยภาพระยะยาวของบริษัทยังคงมีความมั่นคง ฐานะทางการเงินแข็งแรง พร้อมเดินหน้าการกระจายการลงทุนและขยายฐานการผลิต จึงแนะนำซื้อ ที่ราคาเป้าหมาย 530 บาท

 

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight