วันที่ 6 มีนาคม 2562 นับเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญของระบบขนส่งมวลชนทางรางในประเทศไทย เมื่อการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ได้ลงนามว่าจ้าง “บริษัท ซีวิลเอ็นจิเนียริง จำกัด“ เป็นผู้รับเหมาโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง (Hi-speed train) ไทย-จีน เฟสที่ 1 เส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา สัญญางานโยธาฉบับที่ 2-1 ช่วงสีคิ้ว-กุดจิก ระยะทาง 11 กิโลเมตร
ซีวิลเอ็นจิเนียริงจึงนับเป็นผู้รับเหมาไทยรายแรก ที่ได้ก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงในบ้านเกิดตัวเอง (ไม่นับโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย – จีน ช่วงกลางดง – ปางอโศก ระยะทาง 3.5 กิโลเมตร ที่การรถไฟฯ ว่าจ้างให้กรมทางหลวงก่อสร้างไปก่อนหน้านี้)
แม้ซีวิลเอ็นจิเนียริงไม่เคยเป็นผู้รับเหมาหลักในงานก่อสร้างระบบรางมาก่อน แต่ก็เฉือนชนะคู่แข่งอีก 4 รายในการประมูลรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ช่วงสีคิ้ว-กุดจิก ไปด้วยข้อเสนอ 3,114.98 ล้านบาท ต่ำกว่าราคากลาง 7% จึงเป็นเรื่องน่าสนใจไม่น้อยว่า ทำไมผู้รับเหมาขนาดกลางรายนี้ จึงสามารถคว้าสัญญาก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงฉบับแรกไปได้สำเร็จ
“ปิยะดิษฐ์ อัศวศิริสุข” กรรมการผู้จัดการและทายาทรุ่นที่ 3 แห่งซีวิลเอ็นจิเนียริง เผยเบื้องหลังความสำเร็จให้ฟังว่า ถึงวันนี้บริษัทมีประสบการณ์ทำงานมากว่า 50 ปี ตั้งแต่โครงการระดับท้องถิ่นจนถึงระดับประเทศกว่า 1,000 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 40,000 ล้านบาท เช่น ถนน เขื่อน สะพาน สนามบิน นิคมอุตสาหกรรม รวมถึงอยู่ระหว่างก่อสร้างรถไฟทางคู่ เส้นทางประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร สัญญาที่ 2 ช่วงบางสะพานน้อย – ชุมพร ซึ่งรับเหมาช่วงมาจากกิจการร่วมค้าเอสทีทีพี
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังไม่เคยเป็นผู้รับเหมาหลักในโครงการก่อสร้างระบบรางมาก่อน แต่ก็ตัดสินใจต่อยอดงานก่อสร้างและทรัพยากรที่อยู่ในมือ เพื่อเข้าร่วมการประมูลรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ช่วงสีคิ้ว-กุดจิกในครั้งนี้
ปัจจัยสำคัญคือ บริษัทเป็นผู้รับเหมาโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) สายบางปะอิน-นครราชสีมา สัญญาที่ 16, 29-31 จึงสามารถย้ายเครื่องมือเครื่องจักรหนัก จากไซต์งานบริเวณลำตะคอง จังหวัดนครราชสีมาที่ก่อสร้างเสร็จแล้ว ไปใช้ในไซต์งานก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงที่อยู่ใกล้เคียงกันได้ อีกทั้งบริษัทก็มีโรงหล่อชิ้นส่วนโครงสร้างงานโยธาขนาด 100 ไร่ในจังหวัดสระบุรี ซึ่งอยู่ไม่ไกลด้วย
ซีวิลเอ็นจิเนียริงจึงสามารถบริหารต้นทุนในการประมูล และราคาที่ยื่นไปก็สามารถทำได้จริงอย่างแน่นอน เพราะบริษัทก็ไม่เคยทำโครงการรถไฟความเร็วสูงประเภทนี้มาก่อน จึงได้เผื่อราคาไว้บ้างแล้ว โดยบริษัทมีความภาคภูมิใจและยินดีมากที่ได้ก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงในครั้งนี้ จึงจะทำงานอย่างเต็มที่
เบื้องต้นวางแผนไว้แล้วว่า จะเริ่มต้นก่อสร้างในเดือนเมษายน 2562 และมีระยะเวลา 540 วันในการก่อสร้างงานโยธา 3 ส่วนให้แล้วเสร็จ ได้แก่
- การก่อสร้างโครงสร้างทางรถไฟ ระยะทาง 11 กิโลเมตร แบ่งเป็นคันทางรถไฟระดับดิน 7 กิโลเมตรและทางรถไฟยกระดับ 11 กิโลเมตร
- ศูนย์ซ่อมบำรุงทาง (Station Yard) 1 แห่ง
- งานระบบระบายน้ำ งานรื้อย้ายราง ระบบสาธารณูปโภค และงานอื่นๆ
“ตอนนี้เราก็เริ่มโครงการไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเข้าพื้นที่ ก็ได้มีการพูดคุยกับการรถไฟฯ ไปแล้ว แล้วก็เรื่องสเปคต่างๆ เราก็ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อเตรียมงาน ในช่วงนี้ก็พร้อมจะเข้างาน หลังจากได้รับอนุญาตให้เข้าพื้นที่ได้ ก็ค่อยๆ เริ่มเลย”
“ปิยะดิษฐ์” ฉายภาพการทำงานให้ฟังว่า บริษัทมีธนาคารกรุงไทยเป็นพันธมิตรด้านการเงินในโครงการ ขณะเดียวกันก็ได้พูดคุยกับเอกชนอื่นๆ ประมาณ 10 รายเพื่อให้มาเป็นทีมสนับสนุน โดยจะมีผู้ประกอบการเฉพาะทางและผู้ประกอบการรายย่อยเข้ามาช่วยทำงานด้วย เพราะบริษัทก็เป็นผู้รับเหมารายกลาง ก็ต้องให้โอกาสผู้รับเหมารายเล็กกว่าเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน เพราะไม่ใครที่โตได้คนเดียว งานที่ดึงพันธมิตรเข้ามาได้ก็ต้องช่วยกันส่งเสริม
สำหรับงานก่อสร้างโปรเจ็คนี้ก็คงต้องเน้นเรื่องความทนทานและรายละเอียดต่างๆ เพิ่มขึ้น เพราะเป็นโครงการรถไฟความเร็วสูง แต่ก็เชื่อว่าไม่ได้เกินความสามารถของบริษัท ส่วนประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษคือเรื่องคุณภาพ เพราะเป็นงานใหม่และใช้มาตรฐานจีน ซึ่งบริษัทก็ไม่เคยทำมาก่อน
แต่ “ปิยะดิษฐ์” ก็กล่าวว่าไม่รู้สึกหนักใจ เพราะโลกทุกวันนี้หมุนเร็วมาก บริษัทก็ไม่ได้จำกัดตัวเองอยู่ในประเทศไทยอีกต่อไป เพราะคนไทยหลายคนก็ไปลงทุนในต่างประเทศ การได้ก่อสร้างโครงการนี้ก็จะทำให้บริษัทมีความคุ้นชินและออกไปรับงานที่อื่นได้ เหมือนที่นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมบอกว่าเรื่องนี้เป็นโจทย์ใหม่ของผู้ประกอบการไทยที่ต้องสร้างความพร้อม ดีกว่าจะให้บริษัทต่างชาติเข้ามาตีตลาด
ทั้งนี้ ซีวิลเอ็นจิเนียริงก็คงได้รับผลดีในแง่การยกระดับความพร้อม คุณภาพ และความสามารถในการทำงาน เพราะเทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูงจากประเทศจีน ก็นับว่าเป็นเรื่องใหม่ในประเทศไทย เพราะฉะนั้นก็ต้องเปิดโอกาสให้องค์กรได้เรียนรู้และพัฒนามากขึ้น
ด้านการประมูลโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน เฟสที่ 1 ซึ่งยังเหลือสัญญางานโยธาอีก 12 ฉบับ มูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาทนั้น ซีวิลเอ็นจิเนียริงก็ยังสนใจเข้าร่วมประมูล แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เพราะต้องขอศึกษาดูก่อน
“หนึ่งต้องประเมินความพร้อมของเรา ว่าเราพร้อมแค่ไหน แล้วก็ไม่ทำเกินตัวแน่นอน เพราะว่าสุดท้ายก่อสร้างไม่ได้ชนะกันตอนได้งาน แต่ชนะกันตอนเสร็จงาน เพราะอย่างนั้นจะทำยังให้มันเสร็จ คือสิ่งที่เรามองมากกว่า” ปิยะดิษฐ์กล่าวทิ้งท้าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ซีวิลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด มีทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาทและได้แจ้งผลประกอบการต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ดังนี้
- ปี 2558 มีรายได้รวม 334 ล้านบาท กำไรสุทธิ 73 ล้านบาท
- ปี 2559 มีรายได้รวม 663 ล้านบาท กำไรสุทธิ 4 ล้านบาท
- ปี 2560 รายได้รวม 1,422 ล้านบาท กำไรสุทธิ 12 ล้านบาท
