วงการการบินเผยสิงคโปร์แอร์ไลน์อยู่ระหว่างเจรจากลุ่ม “จุฬางกูร” ขอซื้อหุ้นนกแอร์กว่า 49% ขณะ “แอร์เอเชียมาเลย์” จมูกไวเสนอขอซื้อด้วย หวังใช้ไทยขยายฐานการบิน เชื่อโอกาสขายให้สิงคโปร์แอร์ไลน์สูงหากได้ราคาดี
บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOK ล่าสุดเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา นายปิยะ ยอดมณี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารนกแอร์ แถลงผลการดำเนินงานช่วง 3 เดือน (ธันวาคม 2560-กุมภาพันธ์ 2561) ผ่านเว็บไซต์ของนกแอร์ โดยระบุว่าสถานการณ์ของสายการบินกำลังกลับเข้าสู่ทิศทางที่ดีขึ้น มีผลกำไรสุทธิระหว่างเดือนธันวาคม 2560 ถึงกุมภาพันธ์ 2561 อยู่ที่ 104.71 ล้านบาท เป็นการปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่ขาดทุน 317.60 ล้านบาท
สำหรับผู้ถือหุ้นนกแอร์จากข้อมูลตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยล่าสุดเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2561 พบกลุ่มที่ถือหุ้นใหญ่เป็นของตระกูล “จุฬางกูร” ซึ่งเป็นของ นายณัฐพล จุฬางกูร นายทวีฉัตร จุฬางกูร และนางหทัยรัตน์ จุฬางกูร ถือหุ้นรวมกัน 49.34%
บริษัทการบินไทย จำกัด(มหาชน) ถือ 21.80% นาย พาที สารสิน 0.62% RAFFLES NOMINEES (PTE) LIMITED 0.62% ดร.ธรรม์ จิราธิวัฒน์ 0.51% บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 0.50%
กลุ่ม “จุฬางกูร” จ่อขายหุ้นนกแอร์
แหล่งข่าวจากวงการการบินกล่าวว่าขณะนี้ “จุฬางกูร” ซึ่งถือหุ้นอยู่ในนกแอร์กว่า 49% เริ่มมีการเจรจาขายหุ้นออกแล้ว โดยได้มีการเจรจาที่จะขายหุ้นส่วนนี้ให้กับสิงคโปร์แอร์ไลน์ ซึ่งมีการเจรจากันมาประมาณ 2 ครั้งแล้ว
ส่วนราคาที่จะขายออกนั้น คาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้ และเชื่อว่าน่าจะได้ราคาดีระดับหนึ่ง
“การเสนอขายหุ้นออก อาจเป็นเพราะที่ผ่านมานกแอร์เอง ก็มีปัญหาผลประกอบการขาดทุนมาตลอด ประกอบราคาหุ้นก็ไม่ดีเลย ถ้าสามารถขายได้สำเร็จต่อไปเท่ากับว่าสิงคโปร์ แอร์ไลน์ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในนกแอร์ทันที”
แอร์เอเชียมาเลย์เอาด้วยขอซื้อหุ้น
อย่างไรก็ตาม หุ้นในส่วนของ “จุฬางกูร” ที่ถืออยู่ในนกแอร์นั้น เมื่อเดือนที่ผ่านมา ทางสายการบินแอร์เอเชีย มาเลเซีย ได้เสนอขอซื้อหุ้นส่วนนี้จากกลุ่ม “จุฬางกูร” แต่ได้รับการชี้แจงจากกลุ่ม “จุฬางกูร” ว่ากำลังเจรจาอยู่กับสิงคโปร์ แอร์ไลน์
แหล่งข่าว กล่าวอีกว่าการที่แอร์เอเชีย มาเลเซีย สนใจที่จะเข้ามาซื้อหุ้นในนกแอร์ เพราะต้องการที่จะเข้ามาขยายฐานการบินในไทย ที่สำคัญการเลือกตั้งภายในของมาเลเซียครั้งนี้ อาจจะไม่ส่งผลดีต่อแอร์เอเชีย ที่มาเลเซียก็เป็นได้
ห่วงลงทุนมาเลย์เร่งหาฐานเมืองไทย
การที่แอร์เอเชีย มาเลเซีย ต้องการเข้ามาซื้อหุ้นนกแอร์ นอกจากต้องการขยายฐานในเมืองไทยแล้ว การทำธุรกิจของแอร์เอเชีย ในมาเลเซียเกิดอาการผวาขึ้น เพราะเลือกตั้งคราวที่แล้ว “โทนี เฟอร์นานเดส” ซีอีโอแอร์เอเชีย ไปเข้าข้างนาจิบ ราซัก อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ออกข่าวเชียร์ นาจิบ ราซัก ตลอดพ่นสีข้างเครื่องบินเชียร์ ยังมีถ้อยคำต่างๆ ที่เชียร์นาจิบ ราซัก อยู่ด้วย แต่วันนี้ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว จำเป็นต้องหาฐานเพื่อขยายธุรกิจ
ข้อสรุปอยู่ที่กลุ่ม “จุฬางกูร”
การเจรจาขายหุ้นนกแอร์ของ “จุฬางกูร” มีความเป็นไปได้สูง ที่จะขายให้กับสิงคโปร์ แอร์ไลน์ ปัจจุบันนี้สิงคโปร์แอร์ไลน์ก็ร่วมถือหุ้นอยู่ใน “นกสกู๊ต”อยู่แล้ว
หากสามารถซื้อหุ้นได้สำเร็จเท่ากับว่าสิงคโปร์ แอร์ไลน์ สามารถให้บริการเส้นทางบินทั้งในส่วนของในประเทศ และต่างประเทศสำหรับในไทย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับกลุ่ม “จุฬางกูร” ว่าจะขายให้กับใคร
“ปิยะ” ชี้นกแอร์ผลงานดีวันดีคืน
ก่อนหน้านี้ นายปิยะ ได้ชี้แจงผลประกอบการผ่านเว็บไซต์นกแอร์ โดยระบุว่า การที่ได้เห็นว่าความพยายามของนกแอร์ที่จะฟื้นความแข็งแกร่งทางการเงิน เริ่มที่จะเห็นผลเป็นรูปธรรมมากขึ้น เป็นเรื่องน่ายินดี สายการบินยังคงมีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินงานตามแผนการฟื้นฟูธุรกิจต่อไป
จากตัวเลขเบื้องต้นแสดงให้เห็นถึงการที่สายการบินได้มีการแก้ไขตัวแปรที่สำคัญในหลายจุด ควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนกระบวนการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมไปถึงการลดต้นทุนต่าง ๆ และการขยายเส้นทางบิน แม้ว่าราคาน้ำมันเชื้อเพลิงจะมีการปรับตัวสูงขึ้นก็ตาม
เผยรายได้ช่วงธ.ค.60และก.พ.61
นายปิยะ บอกด้วยว่ารายได้ในเดือนธันวาคม 2560 ถึงกุมภาพันธ์ 2561 เพิ่มสูงขึ้น 12.3% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เป็น 4.37 พันล้านบาท มีปริมาณผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 4.1% เป็น 2.54 ล้านคน และมีอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 93% จาก 86% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
